ในที่สุดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของ เมสัน กรีนวูด
การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้น 20 เดือนหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นครั้งแรก และ 6 เดือนหลังจากที่ศาลตัดสินให้ เมสัน กรีนวูด พ้นจากการถูกดำเนินคดีในข้อหาร้ายแรง พยายามข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และกักขังหน่วงเหนี่ยวเหยื่อ ผู้ซึ่งเป็นแฟนสาวของตัวเอง
เพียงแต่ดูเหมือนบทสรุปของเรื่องจะไม่เป็นไปอย่างที่ฝ่ายบริหารของรั้วโอลด์แทรฟฟอร์ด ซึ่งนำโดย ริชาร์ด อาร์โนลด์ส ในฐานะผู้บริหารสูงสุดที่ได้รับมอบหมายจากครอบครัวเกลเซอร์ ตั้งใจเอาไว้สักเท่าไรนัก
เพราะเดิมทีแมนฯ ยูไนเต็ด มีแผนที่จะเปิดประตูให้กองหน้าวัย 21 ปีรายนี้กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง ผ่านการวางแผนหลายขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการประชาสัมพันธ์ การจัดทำคลิปชี้แจงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจ ไปจนถึงการสื่อสารกับผู้ถือหุ้นและผู้บริหารของสโมสร
แต่แผนการดังกล่าวถูกชะลอไปก่อน เนื่องจากถูกเปิดเผยจาก The Athletic ที่ทำรายงานข่าวเชิงสืบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามวางแผนที่จะนำกรีนวูดกลับมา แต่ขาดการหารือกับหลายๆ กลุ่มที่มีส่วนต่อประเด็นที่ละเอียดอ่อน ในเรื่องอนาคตของกองหน้าดาวรุ่งคนนี้ ซึ่งรวมถึงการหารือกับกลุ่มสิทธิสตรีต่างๆ ไปจนถึงการสื่อสารกับทีมหญิงของสโมสร ที่เหมือนจะถูกมองข้ามไปโดยไม่ให้ความสำคัญ
สุดท้ายเมื่อเรื่องถูกเปิดโปง และกระแสตีกลับ สโมสรไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการพยายามรักษาจุดยืนต่อหลักคุณธรรมของสโมสรว่า การกระทำของกรีนวูดเป็นการกระทำที่ไม่สามารถเปิดประตูให้โอกาสครั้งที่ 2 แก่เขาได้ โดยที่เจ้าตัวเองก็ยอมรับผลของการกระทำดังกล่าว
อย่างไรก็ดี คำถามคือ แล้วอนาคตของเขาจะก้าวไปทางไหนต่อ?
ประตู 3 บานของกรีนวูด
เรื่องแรกที่ต้องทำความเข้าใจกันคือ ในแถลงการณ์ของแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้หมายความว่ากรีนวูดถูกปล่อยตัวออกจากสโมสรในทันที
เขายังอยู่ในสัญญากับสโมสร รับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 1 แสนปอนด์อยู่ ซึ่งเหลือระยะเวลาในสัญญาอีกราว 2 ปีด้วยกัน
เพียงแต่เขาจะไม่มีวันได้กลับมาเล่นให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด สโมสรที่เขาอยู่มาตั้งแต่ 7 ขวบอีกต่อไปแล้วไม่ว่าจะวันนี้หรือในอนาคตก็ตาม ตรงนี้คือสิ่งที่ชัดเจนที่สุด แม้ว่าภายในทีม เอริก เทน ฮาก ในฐานะผู้จัดการทีม พร้อมที่จะให้โอกาสเขาก็ตาม
ทีนี้มีประตูทั้งหมด 3 บานให้เลือก
ประตูบานแรกคือ การย้ายออกจากทีมไปในสัญญายืมตัว อาจจะ 1 หรือ 2 ปี
ประตูบานที่ 2 คือ การถูกขายออกจากสโมสรโดยที่ไม่มีค่าตัว (เพราะถือว่าเป็นของมีตำหนิ)
และประตูบานสุดท้ายคือ การยกเลิกสัญญาที่มีต่อกัน
โดยแมนฯ ยูไนเต็ด และฝ่ายของกรีนวูด จะมีการหารือร่วมกันอีกครั้งว่าพวกเขาจะเอาอย่างไรต่อไปดี ซึ่งโอกาสน่าจะเป็นไปได้กับประตูบานที่ 1 หรือ 2 มากกว่าจะเป็นประตูบานที่ 3 เพราะนั่นจะเป็นการตัดขาดที่ค่อนข้างรุนแรงในความรู้สึก และเป็นสิ่งที่หากจะทำก็คงจะทำไปตั้งนานแล้ว
ชีวิตใหม่ที่ยุโรปและตะวันออกกลาง
กรณีที่เกิดขึ้นของกรีนวูด ซึ่งแม้เจ้าตัวจะยืนยันในความบริสุทธิ์และศาลไม่ได้เอาผิด (เพราะพยานสำคัญขอถอนตัวจากการให้การ) แต่ทิศทางและความเป็นไปได้ที่เขาจะหาทีมใหม่ในอังกฤษเล่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก
หากจะมีทีมใหม่มารับเขาไปชุบตัวจริง น่าจะเป็นทีมจากนอกเกาะอังกฤษมากกว่า
ตามรายงานจาก The Times ระบุว่า ทันทีที่แมนฯ ยูไนเต็ด ออกแถลงการณ์ว่ากรีนวูดจะไม่ได้กลับมาเล่นให้สโมสรอีกต่อไป พวกเขาได้รับการติดต่อจากสโมสรต่างๆ ทั่วยุโรปและในตะวันออกกลาง ที่ให้ความสนใจอยากจะดึงตัวกองหน้าพรสวรรค์สูงรายนี้ไปร่วมทีม
โดยทีมที่ถูกอ้างอิงชื่อคือ อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ สโมสรในตุรกีที่เคยเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ในเกมแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อปี 2020 ที่แสดงความสนใจมาก่อนล่วงหน้าแล้ว
ขณะที่สโมสรในตะวันออกกลางเดากันได้ว่าน่าจะเป็นสโมสรสักแห่งในซาอุดีอาระเบีย ที่กวาดต้อนนักเตะดาวดังของยุโรปไปมากมาย เพื่อพยายามสร้างซูเปอร์ลีกแห่งใหม่บนดินแดนทะเลทราย
ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็มีการพูดกันถึงการที่แมนฯ ยูไนเต็ด จะส่งกรีนวูดให้อตาลันตา สโมสรในเซเรียอา อิตาลี ยืมใช้งาน สวนทางกับ ราสมุส ฮอยลุนด์ กองหน้าดาวรุ่งชาวเดนมาร์ก ที่จะย้ายมาโอลด์แทรฟฟอร์ดแทน เพียงแต่ตอนนี้เรื่องเงียบไปแล้ว
แต่ก็เชื่อว่าจะมีสโมสรที่ให้ความสนใจและพร้อมจะให้โอกาสครั้งที่ 2 แก่กรีนวูดอย่างแน่นอน
กรีนวูดจะได้เริ่มต้นใหม่เมื่อไร?
เรื่องนี้ไม่มีใครบอกได้ แต่เชื่อว่ามีโอกาสที่เรื่องจะจบก่อนตลาดการซื้อ-ขายรอบซัมเมอร์จะปิดตัวลงในวันที่ 1 กันยายนนี้
ความยากอยู่ที่ระยะเวลาที่ค่อนข้างบีบ และตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมากรีนวูดไม่ได้กลับมาลงซ้อมกับทีมเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะเขาถูกแบนจากการมาศูนย์ฝึกแคร์ริงตันตั้งแต่ถูกจับกุมเมื่อต้นปี 2022
ที่ผ่านมาหลังกรีนวูดเป็นอิสระจากคดีเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้มีการจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวและฝึกซ้อมต่อเนื่องคนเดียว แต่นั่นก็ไม่เหมือนการซ้อมกับทีมอย่างแน่นอน และเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากว่าสภาพร่างกายของเขาไปจนถึงสภาพจิตใจตอนนี้จะพร้อมสำหรับการลงสนามหรือไม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะต้องใช้ระยะเวลาอีกพักใหญ่กว่าจะพร้อมอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสิ่งที่กรีนวูดต้องการมากที่สุดตอนนี้คือ การกลับมาลงสนามและได้เล่นฟุตบอลอีกครั้ง และเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องพิสูจน์ว่ายังคงเป็นนักฟุตบอลในระดับ Elite ของโลกลูกหนังเหมือนเดิม แม้ว่าเขาจะทำร้ายตัวเองจนต้องประสบชะตากรรมที่เลวร้ายก็ตาม
เช่นเดียวกับการพิสูจน์อีกด้านในฐานะมนุษย์คนหนึ่งจากสิ่งที่ทำผิดไป ต่อให้ตัวเองจะยืนกรานหนักแน่นว่าไม่ได้ทำผิด แต่ก็ต้องพิสูจน์ให้โลกได้เห็นว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เป็นมนุษย์ที่ดีขึ้น โตขึ้น ต่อต้านการใช้ความรุนแรงในครอบครัวและการละเมิดสิทธิในร่างกายและจิตใจของสตรี
รวมถึงหน้าที่ที่สำคัญที่สุดก็คือ การเป็นพ่อคนที่ดี เพราะตอนนี้เขาและแฟนสาวมีพยานรักด้วยกันแล้ว
สิ่งเหล่านี้กรีนวูดสามารถเริ่มต้นได้ทันที ไม่ต้องรอให้ใครบอก
และต่อให้โชคชะตาจะโหดร้ายกับเขามากแล้ว แต่ถ้าเขาตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น เชื่อเถอะว่าโลกจะไม่ใจร้ายกับเขาแน่นอน
อ้างอิง: