วันนี้ (20 สิงหาคม) แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเดินทางกลับประเทศไทยของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับมาประเทศไทยในวันที่ 22 สิงหาคมว่า เมื่อช่วงเช้าได้เดินทางไปทำบุญวันเกิดล่วงหน้า มีเพื่อนสนิทและคนใกล้ชิด ซึ่งก็รู้สึกสบายใจ และการที่ทักษิณเดินทางกลับมาถือเป็นของขวัญของทุกคนในบ้าน และเมื่อกลับมาใกล้วันเกิดตนก็ถือว่าเป็นของขวัญ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า โพสต์ถึงกรณีความปลอดภัยของทักษิณ มีความเป็นห่วงอะไรหรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า ทุกอย่าง ทั้งการขึ้นเครื่องบิน สุขภาพ ซึ่งตนอยากให้มีสุขภาพที่แข็งแรง และเมื่อกลับมาถึง คุณพ่อก็ยังไม่ได้เข้าบ้าน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีนักวิชาการวิเคราะห์ว่า การกลับมาของทักษิณครั้งนี้เพื่อเป็นตัวประกันทางการเมือง แลกกับการโหวตนายกรัฐมนตรี แพทองธารกล่าวว่า เข้าใจว่าทักษิณถูกแยกออกจากการเมืองได้ยาก แต่การกลับมาของคุณพ่อก็เป็นการกลับมาของประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่มีสิทธิกลับมาในประเทศบ้านเกิด ตอนนี้ผ่านไป 17 ปีแล้ว ซึ่งทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์กันก็จะพูดเสมอว่าหลาน 7 คนโตแล้ว อยากกลับมาเลี้ยงหลาน โดยยืนยันว่าไม่ได้คิดถึงเรื่องของการเมืองหรือจะมาเป็นตัวประกัน และคิดเพียงว่ากลับมาแล้วปลอดภัย รอวันกลับมาบ้านเพื่ออยู่กับลูกหลาน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพูดว่าจะถูกหลอก แพทองธารกล่าวว่า ถูกใครหลอก และคนเชื่อว่าทักษิณไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปีแล้ว น่าจะมีหลายข้อมูลทั้งผิดและถูก ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ 17 ปีผ่านอะไรมาเยอะมาก และการกลับมาครั้งนี้เป็นการตัดสินใจของท่านเอง ไม่มีใครหลอกและท่านก็ไม่ได้หลอกใคร และการกลับมาครั้งนี้เป็นการตกลงกับครอบครัวก่อนจะตัดสินใจกลับมา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินถึงขั้นว่าหาก เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ไม่ได้รับความเห็นชอบ ก็จะเสนอชื่อแพทองธารเพื่อหวังเป็นตัวประกันทางการเมืองว่า ตนอยากให้มองการเมืองสร้างสรรค์ขึ้น และการที่คุณพ่อกลับมาเพราะอยากอยู่กับครอบครัว ส่วนเรื่องการเมืองก็ขอให้แบ่งเป็นเรื่องการเมืองของพรรคเพื่อไทย พร้อมย้ำว่าการกลับมาของคุณพ่อไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือพรรคเพื่อไทย และคดีความของทักษิณก็ไม่เกี่ยวกับการโหวตเลือกนายกฯ และพรรคเพื่อไทย ดังนั้นอยากให้แยกเรื่องนี้ออกจากกันโดยชัดเจน
เมื่อผู้สื่อข่าวกล่าวว่า มันปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะวันที่ทักษิณเดินทางกลับคือวันเดียวกับที่โหวตเลือกนายกฯ แพทองธารกล่าวว่า ไม่ใช่ความเชื่อมโยงทางการเมืองใดๆ เลย เพราะก่อนหน้านั้นคุณพ่ออยากจะกลับมาวันที่ 31 กรกฎาคม ซึ่งตรงกับวันหยุดจึงเปลี่ยนวัน และตนก็ยังช่วยดูปฏิทินว่าวันไหนฤกษ์ดี จนมาได้วันที่ 10 สิงหาคมตามที่ประกาศไปตอนแรก แต่ปรากฏว่าการเดินทางไปตรวจสุขภาพไม่ได้อยู่ในประเทศเดียวกัน และพบว่ามีค่าสุขภาพบางตัวที่ผิดปกติ จึงต้อง Follow-up จากนั้นจึงต้องหาฤกษ์ดีวันใหม่ก็มาได้วันที่ 22 สิงหาคม และทางครอบครัวก็รู้ก่อนที่จะมีการประกาศวันโหวตนายกฯ ด้วย เพราะตนคิดว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีจะเป็นวันที่ 18 สิงหาคมด้วยซ้ำ พร้อมยอมรับว่าการกลับบ้านมาต้องดูฤกษ์ดูยาม เพราะทุกคนอยากให้เป็นวันที่ดี แต่หลังจากนี้ยืนยันว่าไม่มีการเลื่อนกลับอีกแล้ว 22 สิงหาคมแน่นอน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ดีลกับผู้มีอำนาจจบแล้วใช่หรือไม่ แพทองธารกล่าวยืนยันว่า “ไม่ได้ดีลกับใครเลยค่ะ” และเมื่อเดินทางถึงสนามบินดอนเมืองด้วยเครื่องบินส่วนตัวในเวลา 09.00 น. โดยมีครอบครัวไปรับ จากนั้นคงเดินทางไปที่ศาลทันที จะไม่มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ขอให้รอ เพราะตนไม่ได้แม่นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทางครอบครัวได้ดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษไว้หรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า ต้องถามคุณพ่อก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้าง เพราะทางครอบครัวเคารพการตัดสินใจของคุณพ่อ เดี๋ยวก็คงจะทราบกัน แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้งครอบครัวได้ประเมินเรื่องจำนวนปีที่ตอนนี้มีการคำนวณแล้วว่าต้องติดคุกประมาณ 5 ปี แพทองธารกล่าวว่า เรื่องคดีขอยังไม่พูดถึง เดี๋ยวจะมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อน แต่ก็ยืนยันว่าจะดูอย่างละเอียด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้สุขภาพของทักษิณดีใช่หรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า ทักษิณตรวจสุขภาพทุกปี แต่บางครั้งอาจจะมีปัญหาบ้าง ดังนั้นก็ต้องคอยติดตามอย่างต่อเนื่อง เพราะตอนนี้คุณพ่ออายุ 74 ปีแล้ว แต่ที่ผ่านมาก็แข็งแรง ระหว่างอยู่ต่างประเทศก็มีการผ่าตัดบ้าง
แพทองธารยังให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี วันที่ 22 สิงหาคมนี้ว่า พรรคเพื่อไทยพยายามเต็มที่ และมีมติเสนอชื่อเศรษฐา ซึ่งมีความมั่นใจและอยากตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด เพื่อให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาล และนำนโยบายของพรรคไปแก้ปัญหาให้ประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากเศรษฐาไม่ผ่านในการโหวตเลือกครั้งนี้ แพทองธารกล่าวว่า อยากให้โฟกัสที่เศรษฐาก่อน ยังไม่ต้องโฟกัสที่ตนเอง เพราะหากโฟกัสหลายจุดก็จะไม่มั่นคง ย้ำว่าเราทำเต็มที่ในการเสนอชื่อเศรษฐา หวังว่าจะสำเร็จและตั้งรัฐบาลให้ประชาชนได้ และหวังว่าจะม้วนเดียวจบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสดราม่าแกนนำพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นแพทองธาร เศรษฐา หรือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เคยประกาศในช่วงหาเสียงว่าจะไม่จับมือกับพรรค 2 ลุง แพทองธารกล่าวว่า วันนั้นเขาบอกว่าเราไม่มีความชัดเจนในการหาเสียง ซึ่งเราพยายามทำโพลทุกอย่างเพื่อให้แลนด์สไลด์ แต่เราแลนด์สไลด์ไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังมีเรื่องของ สว. อยู่ ซึ่งที่ผ่านมาเราเคยชนะเป็นที่ 1 แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เราจึงทราบดีว่าโอกาสการจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จเกิดขึ้นได้ และบางคนมีการแสดงที่ชัดเจนและไม่ชัดเจน แต่เราก็แสดงความตั้งใจ แต่วันนี้เมื่อไม่เป็นแบบที่เราคิด ไม่เป็นไปตามที่เราแพลนไว้ เราจึงต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ประเทศไปต่อ ซึ่งแน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย นั่นคือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน เราขอน้อมรับและขอโทษที่ทำให้หลายคนผิดหวังและเสียใจ แต่ถ้าเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วจะทำเต็มที่ เพื่อแก้ปัญหาประชาชนที่มีอยู่มากมาย และจะก้าวข้ามผ่านสนามอารมณ์นี้ให้ได้ โดยเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข้อครหาของเศรษฐา ได้มีการเตรียมแผนสำรองไว้หรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า เราเช็กตามกฎหมายทุกอย่าง หากฟังจากคนที่ออกมาพูดว่ามีความผิด แต่ก็ไม่มีหลักฐาน ขณะที่เศรษฐาได้นำหลักฐานออกมาชี้แจงแล้วซึ่งก็มีความชัดเจน ซึ่งบริษัทของเศรษฐาก็อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และสามารถตรวจสอบได้ ส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร ตนจึงอยากให้พิจารณาจากข้อมูลเป็นตัวสำคัญก่อนตัดสินใจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สนใจตำแหน่งใน ครม. หรือไม่ หลังมีชื่อปรากฏอยู่ในโผ แพทองธารระบุว่า ตอนนี้ตนเน้นทำงานพรรค แต่ตามที่ปรากฏในสื่อก็มอบตำแหน่งให้หลายตำแหน่งก็ขอบพระคุณมาก ทั้งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและตำแหน่งรัฐมนตรี ก็รู้สึกดีใจมาก
เมื่อผู้สื่อข่าวย้อนถามกลับไปถึงเรื่องทักษิณ ยอมรับหรือไม่หากการเดินทางกลับของคุณพ่อจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและรับโทษ แพทองธารย้ำว่า พร้อมยอมรับ เพราะเป็นการตัดสินใจของคุณพ่อ ถ้าคุณพ่อยอมรับได้ครอบครัวก็ซัพพอร์ตเต็มที่