เงินเฟ้อทั่วไปของอังกฤษในเดือนกรกฎาคมชะลอตัวลงสู่ระดับ 6.8% ลดความร้อนแรงลงต่อเนื่องจากระดับ 7.9% ในเดือนก่อนหน้าตามการปรับตัวลดลงของราคาพลังงาน รวมถึงมาตรการคุมราคาก๊าซและค่าไฟฟ้า ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 6.9% กดดันให้ธนาคารกลาง (BOE) อาจต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ
สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนกรกฎาคมของอังกฤษปรับเพิ่มขึ้น 6.8% เป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ โดยดัชนี CPI ปรับลดลง 0.4% จากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงความร้อนแรงของเงินเฟ้อที่เริ่มลดลง
อย่างไรก็ดี ในส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน ยังคงทรงตัวอยู่ระดับเดียวกันกับเดือนก่อนที่ 6.9% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 6.8% เล็กน้อย
แถลงการณ์ของสำนักงานฯ ระบุว่า ราคาก๊าซและค่าไฟฟ้าที่ปรับลดลงเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยฉุดเงินเฟ้อในเดือนกรกฎาคมให้ลดต่ำลงมา ขณะที่ราคาอาหารแม้ว่าจะยังปรับสูงขึ้นแต่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงจากปีก่อน ในทางกลับกันราคาค่าที่พักในโรงแรมและค่าโดยสารเครื่องบินคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อยังเร่งตัวขึ้น
Gareth Davies รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร ระบุว่า ตัวเลขที่ออกมาถือเป็นข่าวดีสำหรับครัวเรือนและประชาชนในประเทศ อย่างไรก็ดี การต่อสู้กับเงินเฟ้อของรัฐบาลและธนาคารกลางยังไม่จบลง โดยทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารกลางจะร่วมกันดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่สอดคล้องกันเพื่อดูแลเงินเฟ้อต่อไป
ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา BOE ได้มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% สู่ระดับ 5.25% ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 14 ติดต่อกัน และเป็นระดับดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 15 ปี พร้อมส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้าต่อสู้กับเงินเฟ้อจนกว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% การส่งสัญญาณดังกล่าวประกอบกับการที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังคงค้างอยู่ในระดับสูง ทำให้ตลาดคาดการณ์กันว่า BOE อาจจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ก่อนจะจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 5.75%
อ้างอิง: