“ซ่อนเอาความอ่อนแอ ซ่อนเอารอยบาดแผลฝังใจ
เร้นเอารอยบอบช้ำ ย้ำซ่อนมันเอาไว้ ไม่ให้ใครได้ยล
เนิ่นนานเสียจนหลงลืมว่าฉันนั้นเคยเป็นใคร”
เร้น ซิงเกิลล่าสุดจาก COCKTAIL ที่แต่งขึ้นเพื่อใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง แมนสรวง เนื้อเพลงมีความเป็นไทยอยู่มากพอสมควร
โดยคำว่า ‘เร้น’ หมายถึงหลบให้ลับตาคน แฝง ซึ่งจากประโยคในเนื้อเพลงบางท่อนที่หยิบยกมาทำให้เราตีความได้ว่าภายในเพลงมีความหลบซ่อนบางสิ่งบางอย่างไว้เพื่อปกป้องตัวเอง แต่หารู้ไม่ว่าตัวตนของเรานั้นก็กำลังจะถูกลืมไปด้วยเช่นเดียวกัน
เร้น มาในคอนเซปต์ของการ ‘แอบซ่อน’ ที่ไม่ใช่การเล่น แต่เป็นการซ่อนความรู้สึก บาดแผล ความหวัง ความอ่อนแอ รวมถึง ‘ตัวตน’ ไว้หลังหน้ากากการแสดง
ขณะที่พาร์ตดนตรีเป็นเพลงช้าที่ให้ความรู้สึกถึงการไต่ระดับความยิ่งใหญ่ ช่วยส่งเสริมความรู้สึกเมื่อเปรียบเทียบกับตัวละครในเรื่องได้เป็นอย่างดี เพราะทุกคนต่างต้องการการเติบโตในหน้าที่การงาน จากไพร่สู่การมีหน้ามีตาในสังคมเทียบเท่าคนอื่น เขาจึงต้องไต่เต้าทำทุกวิถีทางเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายไม่ว่าจะต้องเสียอะไรไปก็ตาม
“ฉันจึงต้องหลบเร้น เว้นจากการแสดงอารมณ์
เนิ่นนานเสียจนหลงลืมว่าฉันนั้นเคยเป็นใคร”
สำหรับเพลงนี้ไม่ใช่เพลงที่ฟังง่าย แต่มั่นใจได้ว่าตรงทุกคำ เพียงแค่ผู้แต่งเลือกใช้วิธีสื่อสารผ่านภาษาที่เข้าใจยาก ภาษาของเพลงจึงเปรียบเสมือนหน้ากากที่ปิดบังตัวตนของเพลงนี้ไว้เช่นกัน
เนื้อเพลงมีความเป็นมนุษย์มาก เพราะเราทุกคนต่างต้องเก็บซ่อนตัวตน ความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ เพื่อออกไปทำการแสดงก็คือการใช้ชีวิต และปกป้องความรู้สึกเจ็บปวดภายในไว้ไม่ให้ใครได้เห็น
เมื่อเนื้อเพลงเปรียบเสมือนหน้ากาก มิวสิกวิดีโอจึงมีการใช้หน้ากากเป็นสัญญะแห่งการเก็บซ่อนตัวตน และเผยให้เห็นเฉพาะหน้าที่อยากให้คนอื่นรับรู้
“ทันทีที่ทุกคนสวมหน้ากาก ตัวตนที่แท้จริงจะถูกซ่อน
ซึ่งนอกจากมิวสิกวิดีโอจะมีการใช้พร็อพเป็นหน้ากากในการสื่อสารความหมายของเพลงแล้ว เพลงยังมีการเลือกใช้บางฉากจากภาพยนตร์มาอยู่ในมิวสิกวิดีโออีกด้วย โดยฉากที่เลือกมานั้นล้วนเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงการเก็บซ่อนความรู้สึกต่อหน้าผู้อื่น และจะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงก็ต่อเมื่ออยู่คนเดียวเท่านั้น เป็นเหมือนกลไกการป้องกันตัวเองของตัวละคร
อย่าง เขม (รับบทโดย อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์) ที่แต่งองค์ทรงเครื่องได้เป็นนายรำตามฝันที่เคยวาดไว้ แต่กลับมีฉากที่ต้องนั่งร้องไห้คนเดียวหน้ากระจกพร้อมกับการเช็ดเครื่องสำอางที่ถูกแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า ทำให้เราคิดได้ว่าเขมกำลังมีความสุขในสิ่งที่ทำจริงหรือไม่
ว่าน (รับบทโดย บาส-อัศวภัทร์ ผลพิบูลย์) ที่มีฉากของการเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มกลายเป็นเศร้าเพียงเสี้ยววินาที ราวกับมีเรื่องเกิดขึ้นภายในใจ แต่ต้องรีบปกปิดไว้เพื่อไม่ให้ใครรับรู้ หรือแม้แต่ ฉัตร (รับบทโดย มาย-ภาคภูมิ ร่มไทรทอง) ที่เผยด้านอ่อนแอออกมาเมื่ออยู่เพียงลำพังในห้องเท่านั้น
หลังจากได้ฟังเพลง เร้น ทำให้ผู้เขียนเกิดคำถามขึ้นว่า “เราควรเป็นตัวเองทั้งหมดจริงไหม การใส่หน้ากากเข้าหากัน การปกปิดตัวตนนั้นไม่ดีจริงหรือ”
ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง เราทุกคนต่างมีหน้ากากของตัวเองที่สวมใส่เข้าหาคนในชีวิตแต่ละรูปแบบความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันไป ความสัมพันธ์แบบครอบครัว คนรู้จัก เพื่อนร่วมงาน เพื่อน คนที่รัก คนที่เกลียด ทุกๆ ความสัมพันธ์มักถูกวางตัวตนของเราไว้เพื่อตอบโจทย์บางสิ่งบางอย่าง แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นด้านที่เราเลือกแสดงออกในการเข้าหาพวกเขาไม่ใช่ตัวเราจริงๆ หรือ
บางครั้งการสวมหน้ากากเข้าหากันอาจไม่ใช่เรื่องผิดเสมอไป แต่เราควรมองกันที่เจตนามากกว่า การใส่หน้ากากของเราอาจจะเป็นกลไกการป้องกันตัวเองที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวดก็ได้ เหมือนประโยคในเพลงที่ว่า
“เพราะฉันนั้นอ่อนแอ เพราะฉันเคยพ่ายแพ้หัวใจ
เพราะเคยถูกกระทำซ้ำเติมจนใจเจ็บระบมทุกข์ทนข้างใน
ฉันไม่ต้องการให้ใครยินหรือผ่านมาเห็น”
เรามารอดูกันว่าหน้ากากที่แต่ละตัวละครใน แมนสรวง สวมจะเป็นอย่างไร และแต่ละคนสวมหน้ากากนั้นด้วยเจตนาแบบใด แมนสรวง 24 สิงหาคมนี้ในโรงภาพยนตร์
สามารถรับชมมิวสิกวิดีโอเพลง เร้น ได้ที่นี่: