ตั้งแต่กลับมาเครื่องติดไฟในการทำอาหาร เชฟนิค-ณัฏฐพล ภวไพบูลย์ เจ้าของและเฮดเชฟของ ‘วังหิ่งห้อย’ บอกเราว่า นี่คือการเดินทางครั้งใหม่ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจใหม่ๆ รสชาติใหม่ๆ และเรื่องราวใหม่ๆ ที่เขาหยิบจับทุกอย่างมาผสมรวมกันได้อย่างลงตัวที่สุดเท่าที่เคยทำมา
ซึ่งความสมบูรณ์แบบที่ว่า เชฟนิครวมไปถึง ‘หิ่งห้อย’ ในห้องมืดที่เป็นดาวเด่นประจำร้านด้วย เพราะใช่ว่าการนั่งดูหิ่งห้อยเปล่งแสงใกล้ๆ ตาแบบนี้จะทำที่ไหนก็ได้ในกรุงเทพฯ
The Vibe
วังหิ่งห้อย เปิดอยู่ตรงถนนกำแพงเพชร เส้นขนานกับถนนเพชรบุรี ตัวร้านอาหารจะต้องเดินลึกเข้าไปด้านใน ผ่านสวนต้นไม้ อุโมงค์ และร้านอาหารเช้ากึ่งคาเฟ่ที่เชฟนิคก็เป็นคนดูแลเอง
เมื่อมาถึง ที่นี่อาจมืดกว่าร้านอาหารทั่วไปสักหน่อย ก็อย่าตกใจไป เพราะด้วยความที่หิ่งห้อยชอบความมืด วังหิ่งห้อยจึงมาในโทนมืดดำ ดูเท่ เพื่อให้แสงจากหิ่งห้อยส่องได้ชัดเจนที่สุด โดยเฉพาะตอนฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำ ทุกคนจะนั่งชมหิ่งห้อยได้แบบใกล้ๆ เต็มสองตาเลย
The Taste
“คอร์สเมนูใหม่รอบนี้ชื่อว่า ‘มณี มีนา’ แปลว่า ความสวยงามที่สมบูรณ์ เพราะอยากเล่าถึงความสมบูรณ์ ความล้ำค่าของวัตถุดิบต่างๆ โดยเฉพาะของทะเล” เชฟนิคบอก เพราะเชฟได้แรงบันดาลใจมาจากบทกลอนหนึ่งของสุนทรภู่ที่พูดถึงหิ่งห้อยและการเดินเรือ เขาจึงใช้เรือสำเภามาเป็นแรงบันดาลใจในการเปิดเรื่อง
‘สำเภา’ เมนูของกินเล่นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากขนมเซมเบ้ เชฟโรยผงปลาโอในถ้วยที่เป็นลูกเดือยป๊อปคอร์น เพราะสมัยโบราณคนจีนจะบรรทุกลูกเดือยใส่เรือสำเภามาค้าขาย
‘โลกา’ เป็นเมนูที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะมันคือปานีปูรีไส้กะหรี่ปั๊บไก่ ใส่มาในถ้วยรูปลูกโลกทรงรูปมือของเชฟ เพราะฉะนั้นถ้วยแต่ละใบจะทรงคล้าย แต่ไม่เหมือนกัน เพราะปั้นด้วยมือ
หลังจาก ‘กำแพงดิน’ เมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากทางเข้าร้าน โดยเป็นขนมปังผสมเนยเท่านั้น ก่อนท็อปด้วยเยลลี่ผลไม้และเทอร์รีนตับไก่ ก็ตามด้วย ‘อุดม’ ยำส้มโอ 3 สีจาก 3 จังหวัด คือ นครปฐม อ่างทอง และสิงห์บุรี กินคู่กับสแกลลอป ซอสน้ำพริกเผาคันนา และไข่ปลา Lumpfish
‘สมบูรณ์’ จานนี้รสชาติดีสมชื่อ เป็นเมนูหลนปูที่ใช้เต้าเจี้ยวโฮมเมด เชฟบอกว่าใช้ถั่วไม่เหมือนสูตรทั่วไปเลยมีความมันๆ หอมๆ มากกว่า ในกระดองคืออ่องปูที่ใช้ไข่ 3 แบบ คือ ไข่เค็ม ไข่ปู และไข่หอยเม่น เมนูนี้ครบรสแบบไทยๆ
‘บ้าน’ จานห่อหมกที่หน้าตาสวยงามเกินเรื่อง เพราะเชฟหมายถึงโอ่งใจกลางร้านที่เป็นบ้านหิ่งห้อยของที่นี่ จึงเสิร์ฟห่อหมกปลาน้ำดอกไม้ผสมปลาไหลและเนื้อหมึก มาในชามลึกๆ ทำตูเล่น้ำผึ้งปิดด้านบนเหมือนตะแกรง ส่วนออยล์สีเขียวรสอาจาดแทนจอกแหน
‘ต้มยำกุ้ง’ เป็นซิกเนเจอร์ประจำวังหิ่งห้อยมาตั้งแต่ปี 2019 เชฟบอกว่า ไม่ว่าเมนูกี่ฤดูก็ต้องเก็บไว้ โดยใช้กุ้งจากจันทบุรี ราดซุปต้มยำ กินคู่มะเขือเทศดองหมาใจดำและสมุนไพร โดยจะไม่นำมาต้มเพราะใช้วิธีดองในโหลแทน
เมนคอร์สมีให้เลือก 3 เมนู คือ แกงเผ็ดเป็ดย่างที่ใช้สะโพกชิ้นโตๆ ปลาลุยสวน (550++ บาท) ใช้ปลาเก๋าเสิร์ฟคู่กับข้าวและแครกเกอร์สมุนไพร แต่หากใครชอบกินเนื้อ เราอยากให้สั่งข้าวซอยเนื้อ (650++ บาท) เป็นข้าวซอยเนื้อวากิวออสเตรเลียนุ่มๆ มันแทรกไม่เยอะเกินไป กินคู่เส้นแองเจิลแฮร์ที่เชฟทำเอง แคบเนื้อ และซุปข้าวซอยรสเข้มข้น
ก่อนปิดท้ายด้วยของหวานลอดช่องและมะปี๊ด อ้อ ที่นี่มีค็อกเทลแพริ่งให้เลือกด้วยนะ เราว่าคอนเซปต์ในการเสิร์ฟน่าสนใจดี ถ้าใครอยากลองจะมีให้เลือก 2 แก้ว (650++ บาท) และ 4 แก้ว (1,050++ บาท)
Good For
การมาวังหิ่งห้อยให้อะไรที่มากกว่ามื้ออาหาร เพราะคือประสบการณ์ที่เราเชื่อว่าไม่เหมือนที่ไหน ทั้งบรรยากาศและฝูงหิ่งห้อยใจกลางร้านที่เชฟเลี้ยงเอง จนตอนนี้จำนวนเพิ่มขึ้นจนมองเห็นด้วยตาแล้ว น่าตื่นเต้นจริงๆ ไหนจะเรื่องราวในแต่ละจานที่เต็มไปด้วยลูกเล่น ความสนุก และสีสัน
เราว่าทุกคนต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองแล้วจะเข้าใจ
Wanghinghoi
Address: ถนนกำแพงเพชร 7
Open: เปิดทุกวัน เวลา 18.00-22.00 น.
Contact: Wanghinghoi
Budget: 10 คอร์ส 2,990++ บาท
Map: