TRUE เผยไตรมาส 2/66 ขาดทุน 2,320 ล้านบาท ลดลง 191% จากที่มีกำไรช่วงเดียวกันปีก่อน หลังมีรายการภาษีและค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นจากการขยายโครงข่ายการให้บริการ ส่วนทั้งปีนี้คาดรายได้จากการให้บริการทรงตัว วางงบลงทุน 25,000-30,000 ล้านบาท
บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 2/66 ขาดทุนสุทธิ 2,320 ล้านบาท ลดลง 191% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่กำไรสุทธิ 2,556 ล้านบาท จากการกลับรายการของสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีจากการยกยอดผลขาดทุนของ DTN จากความเป็นไปได้ของการปรับโครงสร้างธุรกิจภายใต้กลุ่มบริษัท และการเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย
บริษัทมีรายได้จากการให้บริการจำนวน 39,431 ล้านบาท ลดลง 1.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มาจากรายได้การให้บริการที่เติบโตขึ้นจากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจออนไลน์
บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย จำนวน 26,793 ล้านบาท ลดลง 17% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 16.7% จากไตรมาสก่อนหน้า จากมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการรับรู้ผลประโยชน์อย่างรวดเร็วจากการควบรวม มีค่าใช้จ่ายเชื่อมต่อโครงการลดลง 1,075 ล้านบาท จากการรับประโยชน์การกลับรายการตั้งสำรองเนื่องจากการระงับข้อพิพาททางกฎหมาย
ขณะเดียวกันมีค่าใช้จ่ายด้านโครงข่าย 4,165 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 8.4% จากไตรมาสก่อน จากการลดลงของอัตราค่าไฟฟ้าและมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน มีต้นทุนขาย 4,537 ล้านบาท ลดลง 36.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 24.4% จากไตรมาสก่อนหน้า จากยอดขายสินค้าที่ลดลงตามฤดูกาล
ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย 17,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 10.3% จากไตรมาสก่อนหน้า จากการขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสบการณ์และคุณภาพการให้บริการ
EBITDA ในไตรมาส 2/66 มีจำนวน 22,320 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 14.7 จากไตรมาสก่อนหน้า จากการเพิ่มขึ้นของรายได้การให้บริการและค่าใช้จ่ายที่ลดลง และยังได้รับผลเชิงบวกจากการยุติข้อพิพาททางกฎหมาย อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้รวมยังคงแข็งแกร่งที่ 45.4%
สำหรับภาพรวมปี 2566 คาดรายได้จากการให้บริการ ไม่รวมรายได้จากการเชื่อมต่อโครงข่ายทรงตัว มี EBITDA (ปรับปรุง) เติบโตที่เป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำ-ปานกลาง โดยวางงบลงทุน 25,000-30,000 ล้านบาท