วันนี้ (30 กรกฎาคม) ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พะเยา ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่ตอนนี้มีหลายสูตรออกมา และยังมีพรรคพลังประชารัฐเข้าไปเป็นสมการ ว่า หลังจากที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐเข้าไปหารือกับผู้บริหารของพรรคเพื่อไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อหรือหารืออะไรกันอีก เราจึงรอดูว่าก่อนวันที่ 4 สิงหาคมนี้จะมีการประสานงานอะไรมาหรือไม่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่ว่า การจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้จะไม่มีพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคก้าวไกลถอยไปเป็นฝ่ายค้านเช่นกัน แต่จะยอมยกมือโหวตนายกรัฐมนตรีให้พรรคเพื่อไทย ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเรามีจุดยืนชัดเจนว่าเราอยากทำหน้าที่เป็นผู้แทนของประชาชนให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนก็ตาม และขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าเราจะทำหน้าที่ฝ่ายไหน ต้องรอความชัดเจนตรงนี้ก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าจะมีอุปสรรคอะไรที่ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าไปอีก ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ตนคาดว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 น่าจะจบหลังการหารือกัน โดยภายในวันที่ 1 สิงหาคมน่าจะรู้ทิศทางการหารือ และเชื่อว่าในวันที่ 4 สิงหาคม การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีน่าจะจบ หรือทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยไม่เกินวันที่ 15 สิงหาคม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรคพลังประชารัฐมีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรค โดยให้ ร.อ. ธรรมนัส ปรับขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรค เพื่อเตรียมพร้อมประสานตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า การปรับโครงสร้างพรรคเป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคคิดมานานแล้ว เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐเติบโตเหมือนเดิม ไม่ใช่ตั้งตนขึ้นมาเป็นมือประสานดีลจัดตั้งรัฐบาล เพราะปกติแล้วตนกับ สันติ พร้อมพัฒน์ ก็ทำหน้าที่ร่วมกันประสานงานกับพรรคอื่นมาโดยตลอด ยืนยันว่าการปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการแต่งตั้ง พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ขึ้นมาเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค เพื่อเตรียมพร้อมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลยว่า พล.ต.อ. พัชรวาท จะรับตำแหน่งหรือไม่ ส่วนกระแสข่าวเรื่องการรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตนมองว่าตอนนี้มีเพียงกระแสข่าวจากสื่อมวลชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงผลงานการทำงานของ พล.ต.อ. พัชรวาท สามารถที่จะเข้ามาทำงานเต็มตัวให้กับพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวยอมรับว่า พล.ต.อ. พัชรวาท เป็นบุคคลที่มีคุณค่า มีความรู้ความสามารถสูง ท่านเป็นถึงอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องคุณสมบัติหรือองค์ความรู้ แต่เป็นเรื่องว่าท่านอยากจะเล่นการเมืองหรือไม่ เพราะตอนนี้มีโอกาสสูงว่าท่านจะไม่รับตำแหน่ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า เราจะโหวตไปในทิศทางเดียวกันหลังจากที่พรรคมีมติแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลายคนยังพุ่งเป้าไปที่ พล.อ. ประวิตร จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า เราต้องให้พรรคเพื่อไทยจัดก่อน ส่วนพรรคเพื่อไทยจะจัดได้หรือไม่ได้อย่างไรค่อยดูอีกที เพราะตอนนี้พรรคพลังประชารัฐเรามีแค่ 40 เสียง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตีความในลักษณะที่ว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะเป็น พล.อ. ประวิตร ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ามา ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า มีนัยจากไหน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีกระแสว่าพรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส. จากพรรคก้าวไกล 30 ที่นั่ง ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่มี ตนเป็นเลขาธิการพรรค ยืนยันว่าข้อมูลนี้ไม่เป็นความจริง วันนี้เป็นการเมืองยุคใหม่แล้ว รับรองเลยว่าไม่มี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคเพื่อไทยจัดตั้งไม่ได้ ทางฝั่งพรรคพลังประชารัฐจะมีการเสนอชื่อ พล.อ. ประวิตรแข่งหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ถ้าเสนอแข่งเป็นไปไม่ได้ มารยาททางการเมืองเราไม่ทำ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีโอกาสเดียวคือจะร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า เมื่อได้นายกรัฐมนตรีแล้ว เขาเชิญเราไปร่วมรัฐบาล ถึงจะมีโอกาสร่วมรัฐบาล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่า แต่ในวันนั้นจะต้องไม่มีพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า อย่าไปมองว่าเป็นพรรคก้าวไกล แต่มันหมายถึงทุกพรรคที่มีจุดยืนต่างกับพรรคพลังประชารัฐ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มองการทำงานกับพรรคเพื่อไทยอย่างไรบ้าง ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ความจริงแล้ว ส.ส. ของเราเป็น ส.ส. เก่าจากพรรคเพื่อไทย ดังนั้นเรื่องการทำงาน หากได้ร่วมรัฐบาลเราไม่มีปัญหา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวานนี้ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาพูดว่ามี 1 ป. รู้ถึงความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทุกอย่าง ซึ่งคนตีความว่าเป็น พล.อ. ประวิตร ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้อง เป็นคนละเรื่อง ทักษิณเข้ามาตามกระบวนการกฎหมาย เป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นสิทธิของท่านในฐานะคนไทย แต่สื่อมวลชนชอบนำเรื่องไปผูกไว้ด้วยกัน ทั้งที่เป็นคนละเรื่อง