Sequoia Capital เวนเจอร์สแคปปิตอลชื่อดังของโลก ลดขนาดกองทุนคริปโตลงท่ามกลางสภาพคล่องในตลาดการลงทุนคริปโตนอกตลาด (Private Market) ที่หดลง
Sequoia Capital เวนเจอร์สแคปปิตอลชื่อดังของโลก ประกาศลดขนาดกองทุนคริปโตจำนวน 2 กองที่เพิ่งระดมทุนไปเมื่อปีที่ผ่านมา (2022) ลง ท่ามกลางสภาพคล่องในตลาดการลงทุนคริปโตนอกตลาด (Private Market) ที่หดตัวลง
หลังจากที่สภาพคล่องสำหรับการลงทุนในบริษัทนอกตลาดเติบโตมาอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาเป็น 10 ปีมานี้ ทำให้เหล่าเวนเจอร์สแคปปิตอลเติบโตกันอย่างรวดเร็ว
โดยกองทุนคริปโตดังกล่าวถูกลดขนาดจากมูลค่าราว 585 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 19,900 ล้านบาท) ลงเหลือเพียง 200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.8 ล้านบาท)
และอีกกองหนึ่งอย่าง ‘Ecosystem Fund’ ที่จะลดขนาดจาก 900 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท) เหลือเพียง 450 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท) ที่จะไม่ได้ลงทุนในบริษัทคริปโตโดยตรง แต่จะลงทุนในเวนเจอร์สแคปปิตอลขนาดเล็กกว่า และนักลงทุนรายบุคคลที่จะเข้าไปลงทุนในบริษัทคริปโตอีกต่อหนึ่ง
ซึ่ง Sequoia Capital กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้เป็นไปเพื่อมุ่งเน้นการลงทุนบริษัทที่ระยะ ‘Seed Stage’ และจัดหาสภาพคล่องไว้ให้แก่เหล่าหุ้นส่วนจำกัด ทั้งยังได้ชี้แจงว่าในรอบ 3 ปีที่ผ่านมากองทุนต่างๆ ของ Sequoia สามารถทำผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.1 แสนล้านบาท) เลยทีเดียว
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา Sequoia Capital ยังมีความเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งการแตกกองทุนในบริษัทจีนที่เคยประสบความสำเร็จอย่างมากมายออกมา แม้จะมีความตึงเครียดระหว่างเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการถอยลงจากตำแหน่งของ Michael Moritz หลังจากที่ครองตำแหน่งหุ้นส่วนมานานถึง 38 ปี
Conor Moore หุ้นส่วนของบริษัทที่ปรึกษา KPMG มองว่า ในตอนนี้เหล่าเวนเจอร์สแคปปิตอลต้องระมัดระวังมากขึ้นเล็กน้อยจากภาวะเศรษฐกิจและการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น แต่ทั้งนี้ Conor ก็ยังมีเงินลงในตลาดคริปโตอยู่เช่นกัน แต่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลง
ในช่วงปีที่ผ่านมา (2022) กองทุน Sequoia Capital ยังได้รับผลกระทบเป็นมูลค่ากว่า 214 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.2 พันล้านบาท) จากการลงทุนใน FTX แพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่ล้มละลายเช่นกัน
อ้างอิง: