วีรชน ศรัทธายิ่ง หรือ โต อดีตนักร้องนำวง Silly Fools ผู้ผันตัวจากร็อกเกอร์ดังมาเป็นผู้เผยแพร่ศาสนาอิสลามด้วยความเชื่อมั่นอย่างบริสุทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้า
กว่า 6 ปีที่เขาได้ทำรายการ โต-ตาล กับพิธีกรคู่หู มีเนื้อหาเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจของตนที่มีต่อศาสนาอิสลามให้สาธารณชนได้รับทราบผ่านสื่อสังคมออนไลน์
รายการเฟซบุ๊กไลฟ์ โตตาล 30 มีนาคม 2561
ช่วงหนึ่งของรายการผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา มีคำถามจากทางบ้านว่า ‘ทำไมอิสลามไม่มีรูปปั้นของพระเจ้า’
และโตตอบคำถามนั้น “การเป็นพระเจ้า หนึ่งข้อแม้คือต้องไม่เหมือนสิ่งใดที่พระองค์สร้าง เพราะฉะนั้นทุกสิ่งที่ท่านปั้นไม่มีทางเหมือนพระองค์ พระองค์ยิ่งใหญ่เกินจินตนาการของมนุษย์ที่จะสามารถจับพระองค์ได้ นี่คือพระเจ้า ในฐานะผู้ศรัทธา ผมจะไม่กราบสิ่งใดที่ต่ำเท่าผมหรือต่ำกว่าผม รูปปั้นผลักก็ตกแตกแล้ว มันต่ำกว่าผมและมันไม่มีชีวิต
“มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ ผมจะไหว้ทำไมกับสิ่งที่ไม่มีชีวิต แต่มีรูปร่างอัปลักษณ์กว่าผม ปั้นให้ตายก็หล่อสู้ผมไม่ได้ จริงๆ อันนี้พูดไม่อายปากเลย ปั้นให้ตายก็หล่อสู้ผมไม่ได้ เอาคนที่ปั้นเก่งที่สุดเลย แววตายังไม่มีเลยรูปปั้น และผมจะไหว้ บางคนมีศาลพระภูมิหน้าบ้าน บ้านมันเล็กกว่าผม และผมยังต้องไปกราบไหว้อีกเหรอ มันต่ำกว่าผมและผมต้องไหว้เหรอ”
ระหว่างที่เขาตอบคำถามนี้หลังรายการดำเนินไปได้กว่า 1 ชั่วโมง ด้วยน้ำเสียงดุดันมั่นใจ ก็เริ่มมีคอมเมนต์ทางเฟซบุ๊กไลฟ์ต่อว่าด่าทอเข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุดเรื่องก็บานปลาย เมื่อร็อกเกอร์ชื่อดัง ‘เสก โลโซ’ ได้โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์อดีตนักร้องรุ่นน้อง ด้วยถ้อยคำรุนแรง
ขณะที่ล่าสุด วันนี้ (4 เม.ย.) สำนักจุฬาราชมนตรีได้เผยแพร่คลิปแถลงของนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ซึ่งเป็นการชี้แจงและเตือนสติเกี่ยวกับการเผยแพร่ศาสนาอิสลามด้วยการบริภาษความเชื่อของเพื่อนต่างศาสนาในสังคมไทย
หากว่าพวกเจ้าทั้งหลายได้ประจานความเชื่อของคนอื่น คนอื่นก็จะประจานความเชื่อของตนเองในลักษณะที่เป็นศัตรู
โต วีรชนชี้แจง ไม่ได้ดูหมิ่นศาสนาพุทธ แค่ตอบคำถามตามหลักศาสนา
เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา โตได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ทุบโต๊ะข่าว สถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี ชี้แจงว่า การตอบคำถามในรายการเป็นการอธิบายตามหลักอิสลามว่าทำไมรูปปั้นจึงไม่มีค่าในทัศนะของคนที่เป็นมุสลิม
ยืนยันว่าในรายการได้อธิบายแล้วว่าทำไมถึงไปให้เกียรติรูปปั้น ซึ่งมีค่าและความสวยงามน้อยกว่ามนุษย์อยู่แล้ว เป็นแค่สิ่งที่ถูกปั้นโดยน้ำมือมนุษย์ จึงเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวหัวใจของศาสนาอิสลามไม่ได้ ส่วนกรณีที่มีคนบอกว่าตนดูถูกศาสนาพุทธ ตรงนี้ฟังที่ตนพูดผิด เพราะสิ่งที่ตนพูดตลอดรายการ ได้ยกสิ่งที่พระพุทธเจ้าขึ้นมาเป็นระดับสูงเสมอ อีกทั้งตามหลักการศาสนาอิสลาม ไม่มีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์ศาสนทูตท่านใด
‘หากว่าพวกเจ้าทั้งหลายได้ประจานความเชื่อของคนอื่น คนอื่นก็จะประจานความเชื่อของตนเองในลักษณะที่เป็นศัตรู’ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน
ผิดตรงไหนที่เอาข้อเท็จจริงตามคำภีร์อัลกุรอานมาพูด
ประสาน ศรีเจริญ หรือ อ.ชารีฟ ผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD อธิบายถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า การกระทำของโตแม้จะเกิดจากความตั้งใจที่ดี แต่เป็นการกระทำที่ผิดหลักศาสนาในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน
ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานบัญญัติว่า ‘หากว่าพวกเจ้าทั้งหลายได้ประจานความเชื่อของคนอื่น คนอื่นก็จะประจานความเชื่อของตนเองในลักษณะที่เป็นศัตรู’
อ.ชารีฟอธิบายว่า ทุกคนรู้ว่าความเชื่อของคนไม่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าการพูดของแต่ละคนมีผลทำให้คนอื่นเสียหายหรือเปล่า “ถ้าคำพูดของเรานั้นแม้จะเป็นเรื่องถูกต้องในศาสนาที่เรานับถือ แต่ถ้าไปละเมิดศาสนาคนอื่นก็ถือเป็นความไม่ถูกต้อง”
นอกจากนี้ศาสนาอิสลามให้ความสำคัญของเรื่องมารยาทเป็นอันมาก ตัวพระศาสดาเองเคยกล่าวว่า “ฉันถูกแต่งตั้งมาเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ทั้งด้านมารยาทและจริยธรรม”
อ.ชารีฟขยายความว่า การมีมารยาทและจริยธรรมคือการไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ทำให้คนอื่นเจ็บช้ำ และไม่ทำให้คนอื่นเสียหาย นี่คือการมีมารยาทของพระศาสดา
ดังนั้นการพูดในสิ่งที่เป็นความจริงจะต้องไม่ทำให้คนอื่นเสียหายด้วย ในหลักศาสนา คนจะทำงานเรื่องศาสนาจะต้องมี 2 ประการ ประการแรกคือมีความตั้งใจอันบริสุทธิ์ และอีกอย่างที่สำคัญคือต้องไม่ทำการใดที่ผิดหลักศาสนา ดังนั้นการทำใดๆ ก็ตามทางศาสนาจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ 2 ข้อนี้ ซึ่งแม้ว่าจะมีความบริสุทธิ์ใจเพียงใด แต่ถ้าทำไม่ถูกต้องก็ถือว่าผิด
รูปเคารพ และคำว่า ‘พระเจ้า’ ล้วนเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงสิ่งที่เชื่อ
สุรพศ ทวีศักดิ์ นักวิชาการด้านศาสนาและปรัชญามองว่า ปัญหาการวิพากษ์วิจารณ์ของโตคือปัญหาความเข้าใจเกี่ยวกับสัญลักษณ์ทางศาสนา เพราะในความเข้าใจของเขามองว่า อิฐปูนที่มาสร้างเป็นรูปเคารพนั้นต่ำกว่าตัวเขา
แต่เอาเข้าจริง มนุษย์ปฏิเสธสัญลักษณ์ ไม่ได้ เพราะเราสื่อสารกันผ่านสัญลักษณ์ เนื่องจากภาษาก็เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง เช่น คำว่า ‘น้ำ’ เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง มันไม่ใช่ตัวน้ำจริงๆ ในภาษาอังกฤษเรียกมันว่า ‘Water’ แต่เราใช้สื่อไปถึงมัน
“แม้แต่คำว่า God ก็เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อไปถึงสิ่งที่เราเชื่อ เพราะคำว่า God มันไม่ใช่ตัว God จริงๆ ดังนั้นถ้าคุณปฏิเสธเรื่องสัญลักษณ์คุณก็จะพูดถึง God ไม่ได้ เพราะมันคือสัญลักษณ์ทางภาษาที่สื่อไปถึงพระเจ้าองค์จริงในความเชื่อของคุณ”
ดังนั้น รูปเคารพก็เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่สื่อความหมายเหมือนภาษา เช่น พระพุทธรูป แม้จะสร้างจากอิฐปูน แต่คนที่เขากราบก็ไม่ได้คิดว่ากำลังกราบอิฐปูน แต่กำลังกราบพุทธคุณตามความเชื่อของเขา
“แม้กระทั่งท่านพุทธทาสภิกขุก็ยังเคยเอาไม้เท้าเคาะพระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์ว่า พระพุทธรูปจริงๆ แล้วก็แค่อิฐปูน เสร็จแล้วท่านก็นั่งลงกราบ และท่านก็แสดงความหมายว่า การกราบไม่ใช่การกราบอิฐปูน แต่เป็นการระลึกถึงพระพุทธคุณ
“ดังนั้นจึงคิดว่าปัญหาของคุณโตคือความไม่สามารถที่จะเข้าใจโลกจากมุมมองของคนอื่น ซึ่งอันนี้ผมคิดว่าจำเป็นในสังคมพหุวัฒนธรรมที่เราจะต้องเข้าใจคนอื่นว่า ที่เขาคิดหรือเชื่อแบบนั้น เขามีมุมมองอย่างไร ไม่ใช่เราจะเอาทัศนะของศาสนาหรือความเชื่อของตนเองไปตัดสินคนอื่น”
อย่างไรก็ตาม สุรพศยืนยันว่า ในโลกเสรีประชาธิปไตย เราสามารถวิพากษ์วิจารณ์ศาสนาได้ และเราไม่ควรเรียกว่าการดูหมิ่นศาสนา เพราะข้อกล่าวหานี้รุนแรงและทำลายคนมาเยอะแล้ว
สุรพศบอกอีกว่า ถ้าลองพิจารณากรณีที่เกิดขึ้นนี้ด้วยใจที่กว้าง เราก็ได้ประโยชน์ในการช่วยเตือนสติกับชาวพุทธว่า อย่าไปยึดติดกับรูปเคารพ แต่ต้องนึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า
“เพราะในขณะที่เราอยากให้คุณโตเข้าใจโลกจากมุมมองของคนอื่น เราก็ควรจะเข้าใจโลกจากมุมมองของคุณโตด้วยเช่นกัน”