วันนี้ (19 กรกฎาคม) มีการประชุมร่วมรัฐสภา โดยมีวาระการประชุมสำคัญคือการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งถือว่าเป็นการนัดประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2 หลังครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล แต่ได้รับเสียงจากสมาชิกรัฐสภาเห็นชอบไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ จึงถือว่ารัฐสภาลงมติไม่เห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จากนั้น 09.32 น. วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เปิดประชุมหลังจากที่องค์ประชุมครบ โดยได้นำเข้าสู่วาระการเสนอชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที
ก่อนที่ สุทิน คลังแสง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นบุคคลให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หลังจากที่สุทินเสนอชื่อพิธา ปรากฏว่า อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส. จังหวัดราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ลุกขึ้นประท้วงทันทีว่าวันนี้เห็นมีการเสนอชื่อพิธาขึ้นมาอีกครั้ง รัฐสภากำลังทำผิดข้อบังคับข้อที่ 41 ที่ได้บัญญัติไว้ว่าญัตติที่ตกไปแล้วห้ามไม่ให้มีญัตติที่มีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นมาเสนอในที่ประชุมอีก และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้มีการเสนอชื่อพิธาไปแล้ว และเสียงก็ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ตนเองที่เป็นอดีตกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับ และประธานรัฐสภาก็คงทราบดีอยู่แล้วว่าข้อบังคับมีสถานะเทียบเท่า พ.ร.บ. ถือเป็นกฎหมายที่สมาชิกรัฐสภาต้องยึดถือ
จากนั้น รังสิมันต์ โรม ได้ยกมือประท้วงว่าเรากำลังดำเนินการตามระเบียบวาระเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ยืนยันเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ คนที่ยกมือหารือกับท่านประธานเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เรากำลังจะดำเนินการเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี การหารือเช่นนี้กับประธานรัฐสภาจึงอาจเป็นการกระทำผิดข้อบังคับ จึงขอให้ประธานสภาวินิจฉัย
จากนั้นประธานรัฐสภายังยืนยันว่า อัครเดชยังไม่ได้ประท้วงผิดข้อบังคับ
ก่อนที่ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงสมาชิกว่าผิดข้อบังคับที่ 36 หลังจากที่สุทินได้เสนอชื่อบุคคลขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยจะต้องให้สมาชิกรัฐสภาทั้งหมดได้แสดงตนให้เรียบร้อยก่อนค่อยประท้วงว่าจะเข้าข่ายผิดข้อ 41 หรือไม่อีกครั้ง
ประธานรัฐสภาจึงนำที่ประชุมกลับมาเพื่อให้ที่ประชุมได้แสดงตน เพื่อรับรองการเสนอชื่อบุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามที่สุทินได้กล่าวเสนอ
สำหรับภาพรวมวันนี้ส่วนใหญ่แต่ละพรรคจะมีการประชุมทิศทางของพรรคก่อนการเข้าห้องประชุมรัฐสภา โดยความเห็นของฝ่ายรัฐบาลมองว่าการเสนอพิธาให้รัฐสภาลงมติให้ความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งนั้นไม่ถือว่าเป็นญัตติซ้ำ ส่วนพรรคฝ่ายค้านมองว่าเป็นการเสนอญัตติซ้ำ ดังนั้นจึงไม่สามารถเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาได้อีกในสมัยประชุมเดียวกัน