×

กิตติศักดิ์ ย้ำจุดยืนรัฐบาลต้องไม่มีก้าวไกล ประกาศทวงคืนลูกหลาน กลุ่ม ส.ว. เตรียมยกระดับ ‘งดออกเสียง’ เป็น ‘ไม่เห็นชอบ’ พิธานั่งนายกฯ

โดย THE STANDARD TEAM
19.07.2023
  • LOADING...
กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ

วันนี้ (19 กรกฎาคม) ที่รัฐสภา กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงจุดยืนการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 ในวันนี้ว่า จุดยืนยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง เรามีหน้าที่ที่ต้องคำนึงถึงความสำคัญของประเทศชาติเป็นหลัก ทางกลุ่ม ส.ว. ได้มีการพูดคุยกันเบื้องต้นแล้ว ว่าจะขอประเทศไทยคืน พร้อมกล่าวต่อว่า เราไม่ต้องการเปลี่ยนประเทศไทย และขอลูกหลานของเราคืนกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของพ่อและแม่ ภายใต้วัฒนธรรมประเพณีไทย สำหรับวิธีการ เราต้องให้ลูกหลานของเราได้เรียนรู้วัฒนธรรมและประเพณีไทยด้วยการปลูกฝังในการศึกษาให้เหมือนในรุ่นพ่อรุ่นแม่ โดยที่ลูกหลานของเราจะต้องเป็นคนดีกลับมาให้ได้

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การทวงคืนประเทศเกี่ยวข้องกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างไร กิตติศักดิ์กล่าวว่า ถ้าหากเราเลือกผิดประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม ดังนั้นสิ่งที่ ส.ว. จะต้องตัดสินใจคือ จะต้องเอาความถูกต้อง และเปลี่ยนประเทศไทยไปในทางที่ดี ไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่เพิ่มความขัดแย้งและแบ่งแยกประเทศไทย 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จุดยืนของกลุ่ม ส.ว. ยังยืนยันที่จะงดออกเสียงให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ กิตติศักดิ์กล่าวว่า “เอาอย่างนี้นะครับ วันนี้จะมีโหวตหรือเปล่า ถ้าหากว่ามี ขอให้สังเกตไว้เลยว่า จากที่มีการงดออกเสียง วันนี้ประกาศได้เลยว่าจะไม่เห็นชอบ” พร้อมกล่าวต่อว่า คาดว่า จะมีการงดออกเสียงเกิดขึ้น

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การยกระดับของ ส.ว. ครั้งนี้จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวภายนอกสภาหรือไม่ กิตติศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ตนเองไม่ได้มีความหนักใจแต่อย่างใด การที่เราจะตัดสินใจ มีความขัดแย้งอยู่แล้ว จะมากหรือน้อย ยึดเอาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นหลัก ถ้าหากจะเกิดความขัดแย้ง ขอให้เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การไม่ยอมเปลี่ยนประเทศคือการสนับสนุนรัฐบาลขั้วเดิมใช่หรือไม่ กิตติศักดิ์กล่าวว่า ไม่ใช่ อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า การจัดตั้งรัฐบาลหรือพรรคใดจะไปรวบรวมเสียงและเสนอใครขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี กิตติศักดิ์ชัดเจนมาโดยตลอดว่าไม่เคยก้าวก่ายตรงนั้น แต่หากมีการเสนอแคนดิเดตนายกฯ ขึ้นมา ส.ว. จะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ในการเลือก และพิจารณานายกรัฐมนตรีเท่านั้น ส่วนใครจะตั้งรัฐบาลกับใคร ส.ว. ไม่ก้าวก่าย

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากวันนี้มีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคอื่น เช่น เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย (พท.) จะให้ความเห็นชอบหรือไม่ กิตติศักดิ์กล่าวยืนยันว่า การจัดตั้งรัฐบาลจะต้องไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วย หากยังรวมกัน 8 พรรคเดิม แม้จะไม่มีชื่อของพิธาแล้ว ก็ยังยืนยันว่าจะไม่โหวตเช่นเดิม

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่ก้าวก่ายการจัดตั้งรัฐบาล เหตุใดจึงกำหนดเงื่อนไขในการโหวตเลือกนายกฯ กิตติศักดิ์กล่าวว่า เป็นสิทธิของ ส.ว. แต่เรามองประเทศชาติเป็นหลัก โดยเห็นว่าหากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม เกิดความขัดแย้ง และหากเราปล่อยไป ความแตกแยกทะเลาะเบาะแว้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ไม่ได้รับใบสั่งมาจากใครใช่หรือไม่ กิตติศักดิ์กล่าวว่า ใครจะมาสั่ง ส.ว. เมื่อถามอีกว่า การกำหนดให้พรรคก้าวไกลจะต้องไปเป็นฝ่ายค้าน เท่ากับเป็นการแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาลด้วยหรือไม่ กิตติศักดิ์กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดเช่นนั้น พรรคก้าวไกลจะไปอยู่ตรงไหนก็ตาม แต่การจัดตั้งรัฐบาลยืนยันว่าจะต้องไม่มีพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นการตัดสินใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 หากพรรคการเมืองสามารถรวบรวมเสียงได้ 376 เสียง ส.ว. ก็อยู่สบายๆ และทำงานอื่นไป แต่เมื่อไม่สามารถรวมได้ 376 เสียง ส.ว. ก็จะใช้อำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ก็ให้ไปรวบรวมกันให้ได้

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ ส.ว. ทำในลักษณะนี้จะทำให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ยาวขึ้นหรือไม่ กิตติศักดิ์กล่าวยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกัน พล.อ. ประยุทธ์ได้ประกาศวางมือไปแล้ว ใครจะเสนอ พล.อ. ประยุทธ์มาอีกก็ไม่ได้ ส่วนการรักษาการนายกรัฐมนตรีนานขึ้นนั้น เรื่องของพรรคการเมืองก็เป็นเรื่องของพรรคการเมือง หากไม่สามารถตกลงกันได้ พล.อ. ประยุทธ์ก็อยู่ต่อตามรัฐธรรมนูญ

 

“การแก้ในวาระแรกของรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ต้องมีฝ่ายค้าน ตอนนี้ขอถามสื่อว่า เรามีฝ่ายค้านหรือยัง และในวาระสาม ต้องได้เสียง ส.ว. อย่างน้อย 84 เสียง แต่การเลือกนายกฯ คุณพิธายังได้แค่ 13 เสียง แล้วจะไปแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 จะไปเอาคะแนนจากไหน เรายืนยันว่าเรามาตามบทเฉพาะกาล เดือนพฤษภาคม 2567 เราก็หมดหน้าที่แล้ว ไม่ทราบว่าทำไมถึงมาทำเรื่องนี้ ไม่ไปสนใจเรื่องปากท้อง ทำไมไม่ไปทำเรื่องเศรษฐกิจ ตนมองว่านอกจากไม่ได้สาระแล้วก็เป็นเรื่องของเด็กๆ ที่เกเร” กิตติศักดิ์กล่าว

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X