วันนี้ (13 กรกฎาคม) ที่รัฐสภา พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวอภิปรายตอนหนึ่งว่า วันนี้เจตจำนงของ 8 พรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคประชาชาติ เรามีเจตจำนงที่จะเสนอพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรามี 312 เสียง ถือเป็นเสียงส่วนมาก เพราะในระบอบประชาธิปไตยนั้นคนเป็นผู้ปกครองไม่ใช่มีทรัพย์สินมาก อำนาจมาก และใช้อำนาจข่มขืนหรือกดทับประชาชนให้เลือกตั้ง
ดังนั้น เราจึงได้ยินว่า 1 สิทธิ 1 เสียงมีศักดิ์ศรี มีความเท่ากัน ซึ่งประชาชนก็หวังว่าปัญหาของชาติจะถูกแก้ไขด้วยประชาธิปไตย และทำบ้านเมืองให้เป็นประชาธิปไตย
พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า ประชาชนเลือก 8 พรรคร่วมรัฐบาลมากถึง 72% แต่พรรคการเมืองที่ไม่ได้มาร่วมนั้นผ่านการบริหารประเทศมาถึง 4 ปี นายกรัฐมนตรีผ่านการบริหารประเทศมา 4 ปี มีทุนผูกขาด ผลักภาระให้ประชาชนผ่าน 4 รัฐ คือ รัฐประหาร, รัฐธรรมนูญ, รัฐสภา และรัฐบาล ซึ่งวันนี้พรรคร่วมบอกว่าประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลงวันนี้ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งสำคัญต้องไม่เลือกตามอำเภอใจ ซึ่งรัฐธรรมนูญได้วางหลักการเลือกเอาไว้ตามมาตรฐานคุณธรรมและประมวลจริยธรรมของ ส.ว. และ ส.ส.
“วันนี้มีสมาชิกหลายท่านพูดเรื่องการแก้มาตรา 112 ซึ่งตนไม่เคยเห็นร่างกฎหมายนี้เข้ามาในสภา สภาเราเต็มไปด้วยความคนที่มีความรู้ความสามารถ เต็มไปด้วยคนที่มีความปราดเปรื่อง กฎหมายต่างๆ คงไม่ได้ให้ผ่านไปง่ายๆ ในการรวมตัวกันเพื่อเป็นรัฐบาลของประชาชนทั้ง 23 ข้อ เราก็ไม่มีข้อนี้
“การสงสัยต้องมีการตรวจสอบ และการสงสัยต้องอยู่บนข้อเท็จจริง ซึ่งต้องมีหลักฐาน หากพรรคการเมืองตั้งพรรคการเมืองต้องปฏิบัติตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง ซึ่งต้องไม่เป็นปรปักษ์กับประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ ซึ่งจดทะเบียนมาแล้วและผ่านหน่วยงานที่รับรอง” พ.ต.อ. ทวี กล่าว
พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าสิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอเป็นสิ่งที่ปวงชนชาวไทยได้ตัดสินใจเลือก ถือเป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ จึงขอวิงวอนการเลือกผู้เป็นรัฐบาล ส.ว. เหลือเวลาอีก 11 เดือนท่านจะไม่มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว วันนี้เสียงของประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง และพรรคที่ตั้งมาบริหารประเทศมา 4 ปีนั้นประชาชนยังมีความลำบาก