ผู้แทนเหยื่อผู้เสียหายผู้ลงทุนรายย่อยจากหุ้น STARK แจ้งความ DSI กล่าวโทษผู้ต้องสงสัย 8 ราย ฐานฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฟอกเงิน และความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์-พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมขออายัดทรัพย์ ห้ามเดินทางไปนอกประเทศ
ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธานบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่ปรึกษาผู้ลงทุนผู้เสียหายจากการลงทุนหุ้นสามัญบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) จำนวน 11,000 ราย เปิดเผยว่า วันนี้ (6 กรกฎาคม) ผู้แทนของผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) STARK จำนวนมากกว่า 11,000 ราย ที่ตกเป็นเหยื่อได้รับความเสียหาย ได้เข้าร้องทุกข์ต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยมีตัวแทนจาก DSI คือ อรุณศรี วิชชาวุธ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ ทำหน้าที่ประสานงานรับเรื่องแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อให้เร่งดำเนินคดีต่อนิติบุคคล และบุคคลที่เป็นผู้ต้องสงสัยร่วมกันกระทำความผิดจำนวน 8 ราย ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฟอกเงิน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.หลักทรัพย์
โดยขอให้เร่งรัดจับกุมควบคุมตัวกลุ่มบุคคลผู้ร่วมกระทำความผิดในทันที เนื่องจากผู้ต้องหาจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและอาจหลบหนี เพราะมูลค่าความเสียหายมีจำนวนสูงมาก และคัดค้านการประกันตัวระหว่างสืบสวนสอบสวนของกลุ่มบุคคลดังกล่าวในทันที และไม่ให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพราะอาจหลบหนีไปต่างประเทศ กับขอให้ DSI เร่งประสานงานกับคณะกรรมการป้องปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่ออายัดทรัพย์สินและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องของกลุ่มผู้ร่วมขบวนการดังกล่าวทั้งหมดโดยทันที ประกอบด้วย
- บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK)
- บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
- วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และบุคคลที่ผู้ตรวจสอบบัญชีได้ให้ข้อมูลว่าอาจได้รับผลประโยชน์จากการโอนเงินเข้าบัญชีบริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
- ชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท STARK
- ชินวัฒน์ อัศวโภคี อดีตกรรมการบริษัท STARK
- กุศล สังขนันท์ อดีตกรรมการบริษัท STARK
- ศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินบริษัท STARK
- และหรือบุคคล นิติบุคคลอื่นใดที่ร่วมกันสมคบคิดกระทำผิดโดยทุจริต
ทั้งนี้บุคคลและนิติบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดระหว่างปี 2563-2564 สร้างงบการเงินบริษัทปลอม ทำให้พวกข้าพเจ้าที่เป็นผู้ลงทุนรายย่อยมากกว่า 11,000 รายเข้าไปซื้อหุ้นลงทุน แต่ปรากฏความจริงจากการตรวจสอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษในภายหลังว่ามีการเบียดบังเงินของบริษัท STARK ไปมากถึง 10,451 ล้านบาท
โดยอ้างว่าเป็นการจ่ายให้บริษัทคู่ค้า 3 ราย แต่ผู้ตรวจสอบบัญชีกลับพบว่า บริษัท STARK ไม่ได้จ่ายให้บริษัทคู่ค้าดังกล่าว แต่เป็นการโอนเงินออกไปให้บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดยตรง อันเป็นพฤติการณ์ผิดกฎหมายฐานฟอกเงิน
พบหลักฐาน CFO สารภาพมี 3 ผู้บริหารสั่งการ
ทั้งยังปรากฏตามหลักฐานการให้สัมภาษณ์ของ ศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ อดีต CFO ของ STARK ว่า ได้รับคำสั่งจากผู้บริหารของ STARK จำนวน 3 ราย โดยรับคำสั่งโดยตรงจากชนินทร์ให้ปลอมแปลงบัญชีเพื่อหลอกลวงให้พวกข้าพเจ้า ผู้ลงทุนรายย่อยเข้าใจผิดในสาระสำคัญว่ากิจการของ STARK กำลังมีความเจริญก้าวหน้าและราคาหลักทรัพย์มีโอกาสจะปรับตัวสูงขึ้น
พวกข้าพเจ้าจึงหลงเชื่อพากันเข้ามาซื้อหุ้นลงทุน จนผลักดันให้ราคาเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 5.50 บาทต่อหุ้น มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากถึง 73,733 ล้านบาท ซึ่งศรัทธาให้สัมภาษณ์ว่าวนรัชต์ได้ขายหุ้นล็อตใหญ่ออกไปได้เงินมากกว่าหมื่นล้านบาท อันเป็นการกระทำผิดฐานปั่นหุ้นลวงให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้าใจผิด และฐานฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากเมื่อความจริงปรากฏในเวลาต่อมาว่าความจริงบริษัทประสบปัญหาขาดทุน จนส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ เข้าเกณฑ์ต้องหยุดการซื้อขายเพื่อฟื้นฟูกิจการ ราคาหลักทรัพย์ได้ตกมาเหลือราคาปิดครั้งสุดท้ายอยู่ที่ 0.02 บาท หรือเหลือมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเพียง 268 ล้านบาท หรือมูลค่าหลักทรัพย์เสียหายไปรวมมากกว่า 73,465 ล้านบาท อันเป็นการกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากราคาหลักทรัพย์ไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาดตามปกติธุรกิจ
ทั้งนี้บรรดาผู้กระทำผิดร่วมขบวนการยังได้บังอาจกระทำการหลอกลวงโดยเจตนาทุจริตให้พวกข้าพเจ้าหลงเชื่อ โดยเสนอ แจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จทางสารสนเทศผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู่เป็นระยะ เป็นเหตุให้ประชาชนตลอดจนบริษัทกองทุนต่างๆ หลงเชื่อข้อมูลเท็จที่บุคคลกลุ่มดังกล่าวนำเสนอและการนำเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสารมวลชนต่างๆ หลายกรรมหลายวาระ อันเป็นการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ.หลักทรัพย์, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และเป็นการฉ้อโกงประชาชน
พวกข้าพเจ้าซึ่งเป็นผู้แทนของผู้ลงทุนรายย่อยในบริษัท STARK มากกว่า 11,000 ราย รวบรวมหลักฐานชั้นต้นได้ 21 ราย และอีก 1,759 ราย พร้อมจะร่วมเป็นเจ้าทุกข์ดำเนินคดีทั้งอาญาและทางแพ่ง ไม่มีที่พึ่งอื่นใด จึงได้ร่วมกันมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยขอให้ท่านเร่งดำเนินคดีต่อนิติบุคคล และบุคคลที่เป็นผู้ต้องสงสัยร่วมกันกระทำความผิดจำนวน 8 ราย ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฟอกเงิน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.หลักทรัพย์
โดยขอให้เร่งรัดจับกุมควบคุมตัวกลุ่มบุคคลผู้ร่วมกระทำความผิดในทันที เนื่องจากผู้ต้องหาจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และอาจหลบหนี เพราะมูลค่าความเสียหายมีจำนวนสูงมาก และคัดค้านการประกันตัวระหว่างสืบสวนสอบสวน และไม่ให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพราะอาจหลบหนีไปต่างประเทศของกลุ่มบุคคลดังกล่าวในทันที กับขอให้ DSI เร่งประสานงานกับคณะกรรมการป้องปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่ออายัดทรัพย์สินและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องของกลุ่มผู้ร่วมขบวนการดังกล่าวทั้งหมดโดยทันที