เกาหลีใต้อนุญาตให้ผู้เล่นในประเทศรายใหม่เข้าสู่อุตสาหกรรมธนาคารเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ช่วยเพิ่มการแข่งขันภายในภาคธุรกิจที่ครอบงำโดยผู้ประกอบการรายใหญ่เพียง 5 รายเท่านั้น
หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของเกาหลีใต้กำลังเปิดช่องทางให้บริษัทการเงินสามารถยื่นขอใบอนุญาตธนาคารพาณิชย์ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1992 ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการปูทางให้การแข่งขันภายในอุตสาหกรรมที่อาจช่วยลดดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายสำหรับผู้บริโภค
หน่วยงานกำกับดูแลยังระบุว่า บรรดาธนาคารทำกำไรเป็นประวัติการณ์ในช่วงการระบาดของโควิด และจ่ายดอกเบี้ยรับเป็นเงินโบนัสให้กับพนักงานและเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น แทนที่จะคืนให้กับประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ธปท. เร่งผลักดัน 3 แนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เล็งเผยเกณฑ์บางส่วนสิ้นเดือนนี้ก่อนเปิดรับฟังความเห็น พร้อมหารือเปิดแบงก์เพิ่ม
- เปรียบเทียบจำนวนแบงก์ไทย vs. ชาติอื่นๆ ในโลก
Daegu Bank ซึ่งเป็นธนาคารระดับภูมิภาคของ DGB Financial Group อาจกลายเป็นบริษัทแรกที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการใหม่ หลังมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนเป็นธนาคารระดับประเทศ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดียุนซอกยอลวิพากษ์วิจารณ์ธนาคารต่างๆ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า มี ‘งานเลี้ยงกินโต๊ะ’ ภายในภาคธุรกิจ กล่าวคือมีการทำกำไรจากช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ และจ่ายโบนัสก้อนโตให้กับผู้บริหาร แต่ในขณะเดียวกันประชาชนกลับต้องเผชิญปัญหาการจ่ายดอกเบี้ยระดับสูง
ธนาคารเกาหลีใต้ 5 อันดับแรก ได้แก่ Kookmin Bank, Shinhan Bank, KEB Hana Bank, Woori Bank และ NongHyup Bank มีรายได้สุทธิรวม 12.7 ล้านล้านวอน (9.76 พันล้านดอลลาร์) ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นประมาณ 18% จากปีก่อนหน้า ตามรายงานของหน่วยงานกำกับดูแลพบว่า ธนาคารให้โบนัสรวม 2 ล้านล้านวอนกับพนักงานในปีที่แล้ว
หลังการวิจารณ์ของประธานาธิบดียุน หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินได้จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะ เพื่อเตรียมมาตรการสกัดการเป็นผู้ขายน้อยรายในอุตสาหกรรม ในเวลาเดียวกันหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของเกาหลีใต้ได้เริ่มสอบสวนธนาคารรายใหญ่ เพื่อสืบหาว่ามีส่วนรู้ร่วมคิดในการร่วมกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือไม่
ไม่ใช่แค่เกาหลีใต้เพียงแห่งเดียวที่ต้องเผชิญกับคำวิจารณ์เรื่องผลกำไรที่มากเกินไปของภาคธนาคาร ในช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นและต้นทุนผู้บริโภคในระดับสูง เช่นเดียวกับในนิวซีแลนด์ที่กำลังเริ่มศึกษาตลาดในประเด็นการแข่งขันภายในภาคธนาคารส่วนบุคคล เพื่อให้แน่ใจว่าตลาดทำงานได้ดีสำหรับประชาชน
ขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหราชอาณาจักรได้ตำหนิธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ที่เสนออัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์เพียงน้อยนิดให้ลูกค้า และในสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียกร้องให้ธนาคารและบริษัทางการเงินอื่นๆ ลดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่สูงเกินไป
อ้างอิง:
