หากย้อนหลังกลับไป 30 ปีก่อนหน้านี้ใครบอกว่านิวคาสเซิล ยูไนเต็ด จะมาคว้านักเตะที่เป็นเหมือนหัวใจของทีมยักษ์ใหญ่อย่างเอซี มิลานมาครองนั้น ใครคนนั้นอาจจะถูกมองด้วยสายตาประหลาด
นั่นเพราะในยุคสมัยนั้นทีม ‘ปีศาจแดงดำ’ คือทีมอันดับหนึ่งของโลก จากยุคสมัยอันเกรียงไกรที่เริ่มต้นโดย อาร์ริโก ซาคคี ปรมาจารย์ลูกหนังผู้ยิ่งใหญ่ก่อนที่ ฟาบิโอ คาเปลโล ยอดโค้ชจอมเฮี้ยบจะสานต่อนำพวกเขาครองโลกลูกหนังอยู่เป็นระยะเวลาหลายปี
นักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกต่างอยู่ที่มิลาน ไม่ว่าจะเป็น มาร์โก ฟาน บาสเทน, รุด ฮุลลิท, แฟรงก์ ไรจ์การ์ด (สามคนนี้คือ ‘สามทหารเสือชาวดัตช์’) ไปจนถึง ฟรังโก บาเรซี, เปาโล มัลดินี หรือ ‘อิล เจนิโอ’ เดยัน ซาวิเซวิช อัจฉริยะลูกหนังชาวยูโกสลาเวีย
แต่ในวันนี้มิลานที่เคยยิ่งใหญ่นั้นตัดสินใจยอมรับข้อเสนอจากนิวคาสเซิล ในจำนวน 55 ล้านปอนด์เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ซานโดร โตนาลี กองกลางดาวเด่นของทีม
นักเตะที่ไม่ได้เป็นเพียงที่รักของแฟนๆ ทีมรอสโซเนรี หากแต่ยังเป็นนักเตะที่รักทีมนี้สุดหัวใจมาตลอด
แล้วการย้ายทีมครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ย้อนหลังกลับไปหลายปีก่อน ชื่อของ ซานโดร โตนาลี ปรากฏบนหน้าสื่อที่พร้อมใจกันตั้งสมญาให้กับเขาว่าเป็น ‘นิว เปียร์โล’ ในความหมายถึง อันเดรีย ปิร์โล ยอดมิดฟิลด์ระดับตำนานของวงการฟุตบอลอิตาลี
การเปรียบเทียบนี้เกิดขึ้นจากการที่โตนาลี แจ้งเกิดกับทีมเบรสชา ซึ่งเป็นสโมสรเก่าของปิร์โล อีกทั้งยังมีสไตล์การเล่นที่แอบคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะความสามารถในการวางบอลได้อย่างแม่นยำในแทบทุกระยะ
อย่างไรก็ดีปิร์โล กลับไม่เห็นด้วยในคำเปรียบเทียบนี้
“โตนาลีไม่ได้เหมือนผมเลยสักนิด เขาสมบูรณ์แบบกว่าผมมาก ไม่ว่าจะเรื่องของเกมรับหรือเกมรุก” ตำนานจอมวางบอลกล่าว
ความเห็นจากปิร์โลไม่ได้ผิดไปจากความเป็นจริง เพราะคนที่เป็น ‘ไอดอล’ ของไอ้หนูมหัศจรรย์รายนี้ไม่ใช่เขา หากแต่เป็น เจนนาโร กัตตูโซ มิดฟิลด์ฮาร์ดแมนสายบู๊ของวงการลูกหนังแดนมักกะโรนีต่างหาก
โตนาลีรักของเขาแบบนี้มาตั้งนาน เขารัก ‘ริโน’ กัตตูโซเมื่อครั้งอยู่ในสีเสื้อแดงดำของมิลาน และนั่นทำให้เขาอยากเติบโตมาเพื่อจะเป็นมิดฟิลด์สายบู๊ระห่ำในแบบเดียวกับฮีโร่ของเขา และนั่นทำให้เมื่อแจ้งเกิดและค่อยๆ เติบโตขึ้น พัฒนาการเล่นของเขาจึงเริ่มเด่นชัด
เรามองเห็นเงาสะท้อนของกัตตูโซมากกว่าปิร์โลในตัวของเขาชัดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคนที่รู้จักเขาดีจะเรียกเขาว่าเป็น ‘ซานเดรียโน’ ซึ่งเป็นการผสมกันระหว่าง ‘ซานโดร’ ชื่อของเขากับ ‘ริโน’ ฮีโร่ในดวงใจของเขา
เด็กหนุ่มจากเมืองซันตันเจโล (Sant’Angelo) ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในแคว้นโลดี (Lodi) ที่มีจำนวนประชากรเพียงแค่ 13,000 คน และเกือบทุกคนเป็นกองเชียร์มิลานนั้น ใช้เวลาในการสร้างเนื้อสร้างตัวจากการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพาเบรสชาคว้าแชมป์เซเรีย บี ในฤดูกาล 2018/19 ได้สิทธิ์กลับมาเล่นในระดับเซเรียอาอีกครั้ง
ก่อนที่ความฝันของเขาจะกลายเป็นความจริงในฤดูกาล 2020/21 เมื่อมิลาน ทีมในฝันของเขาติดต่อเบรสชาเพื่อขอยืมตัวมาใช้งานก่อนในมูลค่า 10 ล้านยูโร พร้อมเงื่อนไขในการย้ายทีมถาวรในอีก 15 ล้านยูโร และเงินโบนัสอีก 10 ล้านยูโร
โตนาลีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในทีมมิลาน โดยลงสนามไปกว่า 37 นัด ซึ่ง 23 นัดเป็นการออกสตาร์ทในฐานะตัวจริง ผลงานนั้นอาจจะไม่ดีมากนัก แต่ก็ดีเพียงพอที่จะทำให้มิลานต้องการที่จะคว้าตัวเขามาร่วมทีม
แต่ปัญหาคือพวกเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก มิลานในยุคหลังประสบปัญหาทางการเงินต่อเนื่อง และทำให้หากโตนาลีต้องการที่จะย้ายมาอยู่ซานซิโรอย่างถาวรจริงๆ เขาจำเป็นที่จะต้องยอมลดค่าเหนื่อยของตัวเองลงเพื่อช่วยสโมสรด้วย
เรื่องนี้ความจริงเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องสำหรับนักฟุตบอล โดยเฉพาะนักเตะที่อายุน้อยและอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างโตนาลี เขาสามารถที่จะปฏิเสธคำร้องขอ และมองหาโอกาสใหม่ให้กับตัวเองได้อย่างไม่ยากเย็นนักด้วยชื่อเสียงที่เริ่มสั่งสมมา
แต่ปรากฏว่าโตนาลีเลือก ‘ความรัก’ และ ‘ความฝัน’ มาก่อนเงิน
เขายอมลดค่าเหนื่อยของตัวเองเพื่อจะย้ายมาร่วมทีมในฝัน โดยในการเปิดตัวกับสโมสรใหม่ใจความสำคัญคือ ‘ซานโดร โตนาลี – ฝันที่เป็นจริงของรอสโซเนโร’ ซึ่งในช่วงหนึ่งได้เปิดเผยว่าสมบัติสุดรักสุดหวงของเขาคือแก้วที่พรินต์ลายกัตตูโซ
แก้วใบนี้เคยแตกไปแล้วครั้งหนึ่งเพราะแม่ทำตกโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่แทนที่จะตัดใจทิ้ง โตนาลีกลับเก็บเอาเศษแก้วที่มันร้าวค่อยๆ ต่อทีละชิ้นประกอบร่างกลับขึ้นมาใหม่
เพราะถึงแก้วจะร้าว แต่ความฝัน ความสุข และความทรงจำมากมายอยู่ในนั้น
และในการรับใช้มิลานในฐานะนักเตะของทีมแบบเต็มตัว เป็นหนึ่งในการปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมา เพราะถึงจะมีปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นในฤดูกาลแรกที่ถูกยืมตัวมา แต่ในฤดูกาลที่สองภายใต้การชี้นำของ สเตฟาโน ปิโอลี ฟอร์มการเล่นของนักเตะที่เคยได้ชื่อว่าเป็นปิร์โลคนใหม่ก็ค่อยๆ ดีขึ้น
ที่สำคัญเขาเริ่มมาในแนวทางของนักเตะฮีโร่ในดวงใจของเขาอย่างชัดเจน โตนาลีค่อยๆ กลายเป็นเงาของกัตตูโซ
ความมหัศจรรย์มาเกิดในฤดูกาลที่ 2 (2021/22) นี้เอง เมื่อเขากลายเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของมิลานที่ช่วยพาทีมกลับมาคว้าแชมป์เซเรียอา ได้สคูเด็ตโตครั้งแรกในรอบ 11 ปี โดยฟอร์มของเขาในช่วงท้ายฤดูกาลนั้นได้รับการยกย่องว่าสุดยอดอย่างมาก
โตนาลีอยู่ทุกที่ในสนาม ชิงบอลกลับมา ขับเคลื่อนทีมด้วยพลังมหาศาลในตัว ไปจนถึงการยิงประตู แต่สิ่งสำคัญจริงๆ อยู่ที่การที่เขาเป็นเหมือนไพ่ Joker ของปิโอลี ในการปรับกลยุทธ์การเล่นโดยที่โตนาลีจะเป็นศูนย์กลางของแผนที่สามารถสลับตำแหน่งหรือโยกย้ายไปตรงไหนก็ได้
ความเก่งกาจนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยทำให้รอสโซเนรีเป็นแชมป์ แต่รอสโซเนโรยังยกย่องให้เขาเป็น ‘Captain Futuro’ หรือกัปตันทีมแห่งอนาคตของมิลาน
และโตนาลีเองก็มีความฝันที่จะเป็น ‘แบนดิเอรา’ (Bandiera) ซึ่งเป็นการยกย่องอย่างสูงสุดสำหรับตำนานของทีมมิลาน ในแบบเดียวกับที่บาเรซี หรือมัลดินีได้รับเกียรตินั้น
เพียงแต่ไม่มีอะไรที่แน่นอนในโลกใบนี้ และความฝันรวมถึงเรื่องรักโรแมนติกของโตนาลีกับมิลานก็จบลงเมื่อสโมสรได้รับข้อเสนอจากนิวคาสเซิล ที่ต้องการกองกลางคุณภาพสูงที่จะยกระดับทีมซึ่งมีภารกิจในการลงเล่นแชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี หลังจบด้วยการเป็นท็อปโฟร์ได้อย่างน่าประทับใจในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว
มิลานไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอจากนิวคาสเซิลได้ เงินจำนวนนี้สามารถทำให้ทีมดีขึ้นได้แน่นอน
และโตนาลีก็รู้ดีว่าต่อให้รักมากแค่ไหน เมื่อสโมสรต้องการแบบนี้เขาก็ไม่มีทางเลือก
มีข่าวจากอิตาลีระบุว่าเมื่อรู้ว่าต้องย้ายออกจากทีมโตนาลีถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าใจ
แต่ชีวิตนักฟุตบอลนั้นไม่เคยมีอะไรที่แน่นอน และการผจญภัยครั้งใหม่กับนิวคาสเซิลก็ไม่ถึงกับเป็นเรื่องที่เลวร้ายขนาดนั้น
เขาจะได้ผนึกกำลังกับ บรูโน กิมาไรส์, โชลินตัน, มิเกล อัลมิรอน ไปจนถึง คัลลัม วิลสัน และ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ในทีมที่น่าตื่นเต้นภายใต้การนำของ เอ็ดดี ฮาว ซึ่งเปลี่ยนทีมที่เลวร้ายให้กลายเป็นทีมที่เปี่ยมไปด้วยความหวังอีกครั้งได้อย่างมหัศจรรย์
ในวัย 23 ปีเขายังสามารถก้าวไปต่อได้อีกไกล เผื่อว่าสักวันเขาจะกลายเป็นแรงบันดาลใจของเด็กที่ไหนสักคนที่พรินต์รูปของเขาแปะแก้วไว้เหมือนแก้วกัตตูโซของเขา
และสักวันเขาอาจจะได้กลับมามิลานอีกครั้ง
เป็นความฝันเล็กๆ ที่ซ่อนไว้ลึกๆ ของซานโดร โตนาลีคนนี้
อ้างอิง: