หนึ่งในประเทศเนื้อหอมที่ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้าประเทศมากที่สุดวินาทีนี้คงจะหนีไม่พ้น ‘เวียดนาม’
ในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตสูงถึง 8.02% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่เร็วที่สุดในภูมิภาค โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการบริโภคภายในประเทศที่เร่งตัวขึ้นตามจำนวนชนชั้นกลาง ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนมากถึง 56 ล้านคนจากประชากรทั้งหมดกว่า 100 ล้านคน
ขณะเดียวกันเวียดนามยังถือเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกที่สำคัญของโลก ด้วยจุดเด่นด้านต้นทุนค่าแรงที่ยังไม่สูงและการมีข้อตกลงทางการค้า หรือ FTA กับหลายเขตเศรษฐกิจสำคัญ โดยในปี 2565 เวียดนามสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามาได้ถึง 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกเหนือจากมิติด้านการลงทุน ในมิติของภาคแรงงาน เวียดนามถือเป็นประเทศที่มีประชากรวัยทำงานเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าประชากรวัยแรงงานของเวียดนามจะเพิ่มขึ้นจาก 67.8 ล้านคน เป็น 71 ล้านคนในปี 2573
นอกจากนี้ยังเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยบุคลากรคุณภาพ โดยเฉพาะในกลุ่ม Tech Talent ซึ่งยืนยันได้จากการมีทักษะทางด้าน Coding สูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน และมีทักษะในหมวด STEM (วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) สูงอันดับ 6 ของโลก
บุกตั้งฐานทัพไอทีในเวียดนาม
ด้วยศักยภาพที่สูงทั้งในแง่การเติบโตทางเศรษฐกิจและคุณภาพของแรงงาน ทำให้ล่าสุด กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีภายใต้ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งทำหน้าที่คิดค้นนวัตกรรมและพัฒนาระบบเทคโนโลยีทางการเงิน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของธนาคาร ตัดสินใจเข้าไปจัดตั้งบริษัทในประเทศเวียดนามภายใต้ชื่อ ‘KBTG Vietnam’
ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยในงานเปิดตัว KBTG Vietnam ที่นครโฮจิมินห์ ว่า เวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก และเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยประชากรวัยหนุ่มสาว รวมทั้งมีการขยายตัวของดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
เพื่อคว้าโอกาสดังกล่าว ธนาคารจึงเดินหน้าขยายบริการเพื่อเชื่อมต่อโอกาสให้แก่ธุรกิจไทย และส่งมอบบริการให้แก่ลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการในประเทศเวียดนาม โดยกสิกรไทยมีเป้าหมายจะเป็นธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค AEC+3 พร้อมเป็น 1 ใน 20 ธนาคารที่ดีที่สุดในประเทศเวียดนามภายในปี 2570
“การเข้ามาเปิดสาขาของธนาคารกสิกรไทยและ KBTG ในเวียดนาม สะท้อนว่าเราเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของเวียดนาม เมื่อเร็วๆ นี้ธนาคารกสิกรไทย สาขาโฮจิมินห์ เพิ่งได้รับการอนุมัติจากธนาคารกลางเวียดนาม ให้เพิ่มทุนกว่า 2.5 เท่า จาก 2,700 ล้านบาท เป็น 9,600 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโต” ขัตติยากล่าว
ขัตติยากล่าวอีกว่า เวียดนามเป็นประเทศที่มีแรงงานมีทักษะด้านไอทีสูง ซึ่งการเข้ามาตั้งสาขาของ KBTG มีเป้าหมายในการใช้เวียดนามเป็นฐานในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเงินสำหรับลูกค้าในเวียดนามเองและในภูมิภาค รวมถึงเป็นการสร้างโอกาสในการทำงานควบคู่ไปกับ KBTG ในไทย และบริษัท K-Tech ที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ซึ่งแผนดังกล่าวอยู่ภายใต้กลยุทธ์การขยายธุรกิจออกไปสู่ภูมิภาคอาเซียนในรูปแบบธนาคารดิจิทัล (Regional Digital Expansion) ของกลุ่มธุรกิจกสิกรไทย
ตั้งเป้าดูด Tech Talent 500 คนใน 3 ปี
วรนุช เดชะไกศยะ Executive Chairman ของ KBTG เปิดเผยว่า KBTG มีการพัฒนาการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองกลยุทธ์ของธนาคารกสิกรไทยในการขยายธุรกิจออกไปสู่ภูมิภาคอาเซียนในรูปแบบธนาคารดิจิทัล พร้อมรับมือกับความท้าทายในสถานการณ์ Talent War ในประเทศไทย KBTG จึงดำเนินการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสรรหาบุคลากรที่มีศักยภาพตรงความต้องการ เพื่อมารองรับธุรกิจของธนาคารทั้งในไทยและระดับภูมิภาค
ทั้งนี้ จากกลยุทธ์สรรหาบุคลากรจากต่างประเทศ บริษัทพบว่า ประเทศเวียดนามมีบุคลากรทางด้านไอทีและมีนักศึกษาสาขา STEM เป็นอันดับต้นๆ ของอาเซียน และยังมีวัฒนธรรมการทำงานที่คล้ายคลึงกันกับประเทศไทย KBTG จึงได้จัดตั้ง KBTG Vietnam ขึ้นที่เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีในการให้บริการของธนาคารกสิกรไทยทั้งในเวียดนามและในภูมิภาค
โดย KBTG Vietnam ถือเป็นบริษัทสาขาที่ 2 ของ KBTG ในภูมิภาคอาเซียน และเป็นสาขาที่ 3 ในทวีปเอเชีย ถัดจาก KBTG ในไทย และบริษัท K-Tech ที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ซึ่งเชื่อว่าการมีฐานทัพและบุคลากรมากฝีมือทั้งในประเทศไทย ประเทศจีน และประเทศเวียดนาม บริษัทจะสามารถใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกันของทั้ง 3 ประเทศ
สามารถดึงศักยภาพและความเชี่ยวชาญในแต่ละส่วนมาประกอบกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคนิค รวมถึงทักษะด้านต่างๆ ที่สำคัญ เช่น AI, Blockchain, Supply Chain และ Coding Methodology ของ KBTG ให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว สามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบให้กับลูกค้าทั้งในไทย เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ทั่วภูมิภาค
“ปัจจุบัน KBTG Vietnam มีพนักงานอยู่ราว 100 คน และต้องการจะเพิ่มขึ้นเป็น 200 คนภายในสิ้นปีนี้ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 500 คนในอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อก้าวขึ้นเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับภูมิภาค (Regional Tech Company) ภายในปี 2568 ตามเป้าหมายที่วางไว้” วรนุชกล่าว
คาดผู้ใช้งาน K PLUS พุ่งแตะ 8.4 ล้านคนใน 5 ปี
ธนุสศักดิ์ ธัญญสิริ Managing Director บริษัท KBTG Vietnam กล่าวเสริมว่า พันธกิจหลักของบริษัท KBTG Vietnam คือการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development) สร้างนวัตกรรมด้านการเงิน และเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบสนองการดำเนินธุรกิจของธนาคารกสิกรไทยและลูกค้าธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทย เวียดนาม และทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีระดับท็อปของเวียดนามภายในปี 2568
“การจะเป็นบริษัทระดับท็อปสิ่งที่เราต้องทำคือ ทำให้ KBTG Vietnam เป็นที่รู้จักในประเทศเวียดนาม ซึ่งกลยุทธ์ที่เราใช้อยู่ในตอนนี้คือพยายามสื่อสารให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น อาศัยแบรนดิ้งความเป็น Tech Company จากประเทศไทยส่วนหนึ่ง ใช้ Soft Power ของคนไทยส่วนหนึ่ง และการเข้าไปทำความรู้จักกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของเวียดนามและเดินสายออกงานจ๊อบแฟร์ต่างๆ” ธนุสศักดิ์กล่าว
ธนุสศักดิ์ระบุว่า เป้าหมายของ KBTG Vietnam ในปีนี้จะมุ่งเน้นไปที่การสรรหาบุคลากรไอทีกลุ่มแรกจำนวน 200 คน เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับธนาคารกสิกรไทยและธุรกิจต่างประเทศ ร่วมสร้างและพัฒนาแอปพลิเคชัน K PLUS Vietnam ซึ่งเป็นบริการเรือธง (Flagship Product) ของธนาคารกสิกรไทย มีผู้ดาวน์โหลดใช้งานแล้วจำนวนกว่า 6 แสนคน และจะเป็นแพลตฟอร์มบริการสำคัญที่ใช้รองรับการขยายฐานลูกค้าของธนาคารในประเทศด้วยเป้าหมายในปี 2566 กว่า 1.3 ล้านคน และในปี 2570 จะมีผู้ใช้งานเพิ่มเป็น 8.4 ล้านคน
ยึดหลักการบริหารแบบ 3S
นอกจากนี้บริษัทได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการขยาย K PLUS ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ส่งเสริมให้ KBTG Vietnam มีพื้นฐานในการส่งมอบซอฟต์แวร์ด้วยหลักการ 3S ได้แก่ รวดเร็ว (Speed), เพิ่มขนาด (Scale) และยั่งยืน (Sustain) โดยมี Software Methodology ระดับโลก และ Tech Capability ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับ KBTG ที่ไทย โดยนำกรณีศึกษาทั่วโลกมาประยุกต์ใช้ อีกทั้งยังจัดตั้งออฟฟิศ KBTG Vietnam สาขากรุงฮานอย เพื่อรองรับพนักงานที่อยู่ต่างเมืองและไม่สะดวกย้ายมาทำงานที่โฮจิมินห์ รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการเข้าถึง Tech Talent มากยิ่งขึ้น
“เวียดนามมีคนเก่งที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศไม่เฉพาะในโฮจิมินห์ เราจึงมีการเปิดสาขาที่ฮานอยด้วย ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานอยู่ราว 10 คน โดยสำนักงานที่โฮจิมินห์จะอยู่ที่ตึก Friendship Tower ส่วนที่ฮานอยอยู่ที่ตึก Dreamplex Thai Ha และในอนาคตอาจจะมีการขยายสาขาเพิ่มเติมไปยังเมืองใหญ่ตอนกลางของประเทศ เช่น ดานัง” ธนุสศักดิ์กล่าว
ใช้คนท้องถิ่นที่เข้าใจตลาด
เรืองโรจน์ พูนผล Group Chairman ของ KBTG กล่าวเสริมในตอนท้ายว่า เวียดนามกำลังเข้าสู่ช่วง Digital Leapfrog หรือก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีที่สำคัญ จากการมีโครงสร้างประชากรที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก และการมี Tech Talent เข้าสู่ตลาดปีละนับหมื่นคน ทำให้คนในประเทศมองหานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงบริการทางการเงิน ซึ่งเป็นโอกาสที่ K PLUS จะเข้ามาตอบโจทย์ได้
“ที่ KBTG Vietnam เรามีพนักงานคนไทยแค่ 3 คนเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนเวียดนามที่เข้าใจความต้องการของคนเวียดนามได้อย่างลึกซึ้ง และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจคนท้องถิ่นได้มากกว่า ทำให้หน้าตาของ K PLUS ในเวียดนามจะแตกต่างจากของไทย” เรืองโรจน์กล่าว
นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างในเชิงพฤติกรรมของคนเวียดนามที่บริษัทได้เรียนรู้จากการเข้ามาเปิดสาขา เช่น คนเวียดนามมีสัดส่วนการเล่นเกมออนไลน์ที่สูงมากและกระจายในทุกช่วงวัย ขณะที่ในไทยกลุ่มคนเล่นจะเป็นเด็กหรือคนที่อายุยังไม่เยอะมาก
ขณะเดียวกันก็มีความแตกต่างในเชิงกฎระเบียบด้วย เช่น การเปิดบัญชีธนาคารของเวียดนามสามารถทำได้ค่อนข้างง่ายผ่าน e-KYC ซึ่งการที่ชาวเวียดนามเข้าถึงดิจิทัลได้สูงมากนี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินดิจิทัล
“KBTG Vietnam ของเรายังใหม่ ทุกอย่างใหม่หมด สิ่งแวดล้อม เพื่อนร่วมงาน ทุกคนใหม่หมด เราเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับภูมิภาคจริงๆ ที่เป็นของคนไทย จึงอยากเชิญชวนทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือเวียดนาม ถ้าสนใจให้มาจอยกัน ยังมีความท้าทายให้ได้ค้นหาและฝ่าฟันไปด้วยกันอีกมาก” เรืองโรจน์กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจร่วมงานกับ KBTG และ KBTG Vietnam สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและตำแหน่งที่เปิดรับสมัครได้ที่เว็บไซต์ kbtg.tech/en/kbtg-vietnam