วันนี้ (27 มิถุนายน) พรรคเพื่อไทยมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค, ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค, ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค และ ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค โดยมีวาระหารือถึงการเจรจาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร จากนั้นเวลา 15.00 น. มีการประชุม ส.ส. ของพรรค
จากนั้นเวลา 17.00 น. แกนนำพรรคเพื่อไทยได้ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุม ส.ส. โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะเจรจาได้นำเสนอหลักการ 14+1 ต่อกรรมการบริหารพรรค โดยสรุปคือคณะกรรมการเจรจาจะไปหารือกับพรรคก้าวไกลถึงตำแหน่งประธานสภาร่วมกับตำแหน่งรัฐมนตรี ที่ผ่านมาเรายืนยันสูตร 14+1 คือพรรคก้าวไกลได้ 14+1 คือนายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคเพื่อไทย 14+1 คือประธานสภา
และก่อนหน้านี้มีการแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลากหลาย แต่ยังไม่มีข้อสรุป จนในวันนี้ได้นำประเด็นดังกล่าวเข้าหารือกับคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย โดยกรรมการบริหารพรรคยืนยันในหลักการเดิม ที่จะนำไปเจรจากับพรรคก้าวไกลในวันพรุ่งนี้ (28 มิถุนายน) คือสูตร 14+1 ของเพื่อไทย ซึ่งในประเด็นดังกล่าวกรรมการบริหารได้นำไปหารือกับ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยทั้ง 141 คน ส่วนใหญ่ยืนยันขอให้คณะเจรจานำข้อเสนอนี้ไปเจรจากับพรรคก้าวไกลในวันพรุ่งนี้
ด้านชูศักดิ์กล่าวว่า ตำแหน่งประธานสภานั้นกรรมการบริหารพรรคเห็นว่าเป็นตำแหน่งสำคัญ ควบคุมกำกับดูแลการทำงานของสภา ต้องวางตัวเป็นกลาง ตอบสนองทุกพรรค มีความรู้ ความสามารถ มีวุฒิภาวะ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ซึ่งกรรมการบริหารพรรคทราบว่าคณะเจรจาได้เสนอสูตร 14+1 เพราะเห็นว่ามีความเป็นธรรม ให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งนายกฯ พรรคเพื่อไทยควรได้ตำแหน่งประธานสภา ที่ประชุมเห็นควรยืนยันสูตรดังกล่าวเพื่อนำเสนอพรรคก้าวไกลในการประชุมระหว่าง 2 พรรค ซึ่งจะเป็นความชอบธรรม มีเหตุมีผล ซึ่งคณะเจรจาต้องยืนในหลักการนี้
“นี่ไม่ใช่การแก่งแย่งตำแหน่ง แต่เราเห็นความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และมี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ ให้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าการมีประธานสภาของพรรคเพื่อไทยจะทำให้สภาเดินหน้าราบรื่น เรียบร้อย ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติได้สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ“ ชูศักดิ์กล่าว
ด้านภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีการตอบกลับอย่างเป็นทางการ มีแต่สื่อสารทางโซเชียล ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ตนจะนำข้อสรุปของเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมไปเจรจาพูดคุยกับพรรคก้าวไกล ซึ่งตนคาดหวังว่าการคุยจะให้เกียรติซึ่งกันและกัน ใช้เหตุและผล เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จตามที่พี่น้องประชาชนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงโดยเร็ว ซึ่งเรายังไม่อยากคิดว่าไม่สำเร็จ เพราะมันจะบั่นทอนความร่วมมือกันมากกว่า
ทั้งนี้ หากวันพรุ่งนี้ยังไม่เรียบร้อย ก็ยังมีเวลาในการเจรจาต่อไป แต่หากฝั่งก้าวไกลไม่ยอม ต่างฝ่ายต่างต้องกลับไปทบทวน แสดงว่าข้อสรุปในการเจรจามันไม่จบ
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ยอมถอยใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ถ้าไม่ได้ก็ต้องกลับไปทบทวน เชื่อว่ายังมีเวลา เพราะการเปิดสภาจะเริ่มต้นในวันที่ 4 กรกฎาคม ทุกนาทีมีค่า ก็รอผลพรุ่งนี้ พรุ่งนี้อาจจะจบลงด้วยดี สามารถจัดตั้งกันได้
เมื่อถามว่าตอนนี้พรรคเพื่อไทยมีรายชื่อประธานสภาแล้วหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องการหารายชื่อเป็นสเต็ปที่เกิดขึ้นภายหลังได้ ไม่ใช่เรื่องซีเรียส เรื่องที่ซีเรียสคือต้องตกลงกับพรรคก้าวไกลให้ได้ก่อนว่าตำแหน่งประธานสภาจะเป็นของใคร