ท่ามกลางนักเตะมากมายที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา คว้าตัวมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นับตั้งแต่ตกลงที่จะรับงานในฤดูกาล 2016/17 มีใครจำได้ไหมว่า นักเตะคนแรกที่กุนซือผู้เปรียบเป็นดั่ง สตีฟ จ็อบส์ ของเกมลูกหนัง ซื้อคนแรกคือใคร?
คำใบ้ง่ายๆ คือ เขาเป็นกัปตันทีมคนล่าสุดของซิตี้ที่ได้ชูถ้วยครบทั้ง 3 แชมป์ หรือเป็น ‘Treble Champ’ ในฤดูกาลที่ผ่านมานั่นเอง
ตอนนี้หลายคนคงรู้แล้วว่าคำตอบคือ อิลคาย กุนโดกัน หรือ ‘กุนโด’ นักเตะผู้ปิดทองหลังพระของแมนฯ ซิตี้ ที่เพิ่งตัดสินใจจะอำลาทีมเพื่อไปตามหาความฝันครั้งสุดท้ายกับทีมบาร์เซโลนา
และทำไมการจากไปของเขาจึงเป็นเหมือนความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่สำหรับยอดกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา?
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาหลังการเข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรโดยทุนจากอาบูดาบีที่ไร้ขีดจำกัดเมื่อปี 2005 แมนฯ ซิตี้ ค่อยๆ เปลี่ยนจากทีมที่สตาร์ไม่อยากย้ายมาร่วมทีมเพราะกลัวถูกตีตราว่า ‘หน้าเงิน’ (ขณะที่ซูเปอร์สตาร์คนแรกอย่าง โรบินโญ ที่ย้ายมาจากเรอัล มาดริด บอกว่า เขานึกว่าแมนเชสเตอร์มีทีมเดียวคือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) ซิตี้กลายเป็นทีมที่มีสตาร์อยู่ในทีมมากมาย
ซิตี้มี แว็งซองต์ กอมปานีย์ เสาหลักคนแรกที่เป็นภูผาหินของทีม แม้ว่าจะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บต่อเนื่องก็ยังเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมเสมอ พวกเขายังมี ดาวิด ซิลวา มันสมองของทีม ผู้สร้างจินตนาการในการเล่นไม่รู้จบให้กับทีม
เซร์คิโอ ‘กุน’ อเกวโร คือยอดศูนย์หน้าระดับโลกตัวจริง และเป็นคนที่เปลี่ยนทุกอย่างด้วยการยิงประตูในนาทีที่ 93 ให้แมนฯ ซิตี้ สร้างปาฏิหาริย์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกได้ในปี 2012 ขณะที่ แฟร์นันดินโญ แม้จะตามมาทีหลัง แต่ก็เป็นกำลังสำคัญที่ทีมขาดไม่ได้
นักเตะเหล่านี้อำลาทีมไปหมดแล้ว แต่ซิตี้ ก็ยังมี เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์ที่เก่งที่สุดในโลกเวลานี้ และ เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ ศูนย์หน้ามหาประลัยผู้เป็นปรากฏการณ์ Force of Nature คนใหม่ของเกมฟุตบอล ที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะพัฒนาการเล่นไปถึงจุดไหน
เพียงแต่ในบรรดายอดนักเตะเหล่านี้ คนที่พอจะบอกได้ว่าเป็นตัวแทน ‘วิสัยทัศน์’ ของเป๊ปจริงๆ คือกุนโดกันเท่านั้น
เพราะมันมีเหตุผลอยู่ที่ทำให้กุนซือชาวกาตาลันตัดสินใจคว้าตัวกำลังหลักของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมคู่แข่งของเขาครั้งที่ยังคุมบาเยิร์น มิวนิก ในบุนเดสลีกา ตัดหน้า เจอร์เกน คล็อปป์ เจ้านายเก่าตัวจริงของมิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมนีเชื้อสายตุรกี
ทั้งๆ ที่ในช่วงเวลานั้นเขาประสบปัญหาอาการบาดเจ็บร้ายแรงและเรื้อรังต่อเนื่อง จนเป็นที่น่าหวาดหวั่นว่าอาจต้องปิดฉากชีวิตการเล่นเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
และความจริงเขาก็มาบาดเจ็บหนักถึงขั้นเอ็นหลังหัวเข่าขาด (ACL) ในเดือนธันวาคม 2016 หลังย้ายมาซิตี้ได้แค่ 6 เดือนด้วยซ้ำ
แต่เพราะรู้ถึงคุณค่าของนักเตะรายนี้ เป๊ปจึงยังคงรักษาศรัทธาในตัวของกุนโดอย่างไม่เสื่อมคลาย จนค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาเป็นกำลังหลักของทีมได้เหมือนเดิม โดยที่ไม่ว่าซิตี้จะเติมสตาร์หน้าไหนเข้ามา เขาก็ยังคงเป็นผู้เล่นที่นายใหญ่ชาวกาตาลันไว้ใจเสมอ
ความไว้ใจของเป๊ปนั้นไม่ได้เป็นความรู้สึกหน้ามืดตามัว แต่เป็นเพราะเขารู้ว่ากุนโดวันเข้าใจแนวทางฟุตบอลของเขามากที่สุด ไม่ว่าในช่วงเวลานั้นเขาจะคิดทำอะไร ปรับเปลี่ยนแผนการเล่นเป็นแบบไหนก็ตาม
กรณีตัวอย่างที่ชัดเจนคือในฤดูกาล 2018/19 และ 2020/21 ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเขาเป็น ‘คีย์แมน’ ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการทำให้แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้
ในฤดูกาล 2018/19 แมนฯ ซิตี้ ประสบปัญหาใหญ่ เมื่อเสาหลักในแดนกลางอย่าง แฟร์นันดินโญ เกิดบาดเจ็บหนัก ทำให้เป๊ปต้องหาทางแก้ไขและตัดสินใจปรับระบบการเล่น โดยให้กุนโดกันมายืนแทน ซึ่งเขาสามารถทดแทนได้เป็นอย่างดี พาแมนฯ ซิตี้ เก็บชัยชนะรวด 14 นัดสุดท้ายของฤดูกาล ปาดหน้าลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ได้ในฤดูกาลที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดและสูสีที่สุด
จากนั้นในอีก 2 ฤดูกาลต่อมา ซิตี้ประสบปัญหาอีกครั้ง เมื่อความหวังในแดนหน้าอย่างอเกวโรเกิดบาดเจ็บ และทีมก็มีปัญหามากในเรื่องของการจบสกอร์ ทั้งๆ ที่สร้างโอกาสได้มาก
เป๊ปตัดสินใจใช้งานกุนโดกันอีกครั้ง โดยขยับขึ้นไปยืนเป็น False Nine เพราะมองเห็นความสามารถในการเติมขึ้นไปอยู่ถูกที่ถูกเวลาและจบสกอร์ได้ทุกรูปแบบ ซึ่งกลายเป็นการเดิมพันที่คุ้มค่า เพราะสตาร์หน้าหนวดยิงได้ถึง 17 ประตูในฤดูกาลนั้น พาทีมกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกสมัยหลังเสียแชมป์ให้คู่ปรับอย่างลิเวอร์พูลในฤดูกาลก่อนหน้า
และหากยังพอจำกันได้ในฤดูกาล 2021/22 ในโมงยามที่มืดมนของซิตี้ เพราะถูกแอสตัน วิลลา นำ 2-0 ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งนั่นอาจหมายถึงการเสียแชมป์ให้กับลิเวอร์พูล คนที่เป็นคนจุดประกายให้พวกเขากลับมาได้ก็คือกุนโดกัน ที่ลงมาในฐานะตัวสำรองและทำคนเดียว 2 ประตูในระยะเวลา 5 นาที ทำให้ทีมพลิกกลับมาเอาชนะวิลลาได้ 3-2 ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ
หรือแม้แต่ในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งซิตี้มีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับฮาลันด์ สุดท้ายเป๊ปใช้ระบบการเล่นใหม่ 3-2-4-1 โดยให้กุนโดกันยืนในระบบที่มี ‘หมายเลข 8 สองคน’ (Two No.8s) ซึ่งเขาก็ปรับตัวเข้ากับระบบการเล่นได้อย่างไร้รอยต่อ แถมยังเป็นคนทำประตูสำคัญๆ ให้ทีมเสมอ
เรื่องของการทำประตูสำคัญๆ เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของกุนโดกัน และ 2 ประตูสุดท้ายในสีเสื้อฟ้าสดใสของเขาก็น่าจดจำเป็นพิเศษ เพราะเป็นการยิงด้วยลูกวอลเลย์แบบสุดงามในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ ที่พาทีมเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ด เป็นแชมป์ที่ 2 ในฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อนจะไปคว้าแชมป์ที่ 3 ได้ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ดังนั้นถึงจะเป็นคนเงียบๆ ในสนาม แต่กุนโดกันคือนักเตะคนสำคัญที่สุดในระบบการเล่นใดๆ ก็ตามของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่ไม่ว่าจะให้รับบทบาทไหนก็ตาม นอกจากไม่เคยทำให้ผิดหวังเพราะเล่นได้ ‘ตามสั่ง’ แบบไร้รอยต่อแล้ว ยังปรับตัวและยกระดับตัวเองขึ้นเสมอด้วย
ในภาษาลูกหนังมีคำที่ใช้กันในสเปนและลาตินอเมริกาที่พอเปรียบเทียบกับสไตล์ของเขาได้ คำนั้นคือ Pausa
Pausa มีความหมายถึงนักเตะที่เหมือนหยุดเวลาได้และทำทุกอย่างได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมเสมอ คนที่พร้อมจะหยุดบอลไว้ที่เท้าในสถานการณ์แบบใดก็ตาม ต่อให้เป็นช่วงเวลาที่อลหม่านที่สุด แล้วตัดสินใจเลือกการเล่นที่ดีและถูกต้องที่สุดได้เสมอ รวมทั้งยังสามารถเล่นเกมได้เร็วขึ้นหรือจะควบคุมเกมให้ช้าลง ซึ่งทั้งหมดนี้คือสิ่งที่กุนโดกันเป็น
แต่สำหรับเจ้าตัว เขามองตัวเองเป็นเหมือนตะเกียงส่องแสงให้เพื่อนเฉิดฉายในสนามมากกว่า
“ผมจำได้ว่ามีคนเคยบอกกับผมว่า ผมเป็นนักเตะที่เกิดมาเพื่อทำให้คนอื่นเฉิดฉาย ซึ่งผมก็มองตัวเองแบบนั้น ผมไม่เคยคิดถึงตัวเองก่อน ผมพยายามให้ความสนใจไปอยู่กับคนอื่น และนั่นก็เป็นวิธีที่ผมใช้ชีวิตด้วย ผมไม่เคยคิดมากกับตัวเองหรือคิดว่าตัวเองสำคัญอะไรขนาดนั้น ผมพอใจกับสิ่งที่ตัวผมมีอยู่”
อย่างไรก็ดี ถึงจะมีความสุขและประสบความสำเร็จมากแค่ไหนกับซิตี้ ในวัย 32 ปี กุนโดกันผู้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมา 5 สมัย และแชมป์ยุโรปอีก 1 สมัย ก็ตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่เขาต้องไปจากทีม
ไม่ใช่เพื่อตามความฝันของตัวเองเท่านั้น แต่เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ในทีมด้วย โดยเฉพาะ ‘ฟิล โฟเดน’ ที่ถูกคาดหมายว่าอาจก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนของเขาในอนาคต
“วันนี้มันทั้งหวานและขม” กุนโดกันกล่าวในจดหมายอำลาของเขาผ่าน The Players’ Tribune “การบอกลามันไม่เคยง่ายอยู่แล้ว แต่เพราะเป็นทีมนี้ด้วยมันเลยยิ่งบอกลาได้ยากขึ้น
“ตอนที่ผมบอกข่าวกับทุกคนว่า ผมจะออกจากกลุ่มแชตของพวกเรา มันเป็นวันที่ผมอ่อนไหวอย่างมาก”
เพียงแต่กุนโดกัน ซึ่งต้องการไปอยู่กับทีมในฝันของเขาอย่างบาร์เซโลนา และตกลงเซ็นสัญญา 2 ปี ยืนยันว่าไม่ว่าเขาจะย้ายออกจากทีมไปแล้ว
“ผมจะยังคงเป็นซิตี้เสมอ ไม่มีอะไรที่จะทำลายความผูกพันของเราได้ มันคือความรักในระดับสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และสิ่งที่ผมอยากบอกทุกคนคือขอบคุณ”
เชื่อว่าจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดถึงกุนโดผู้ปิดทองหลังพระคนนี้
โดยเฉพาะ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่ต้องพยายามหากุนโดกันคนใหม่เข้ามา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
อ้างอิง: