วันนี้ (22 มิถุนายน) ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมาที่รัฐสภา เพื่อรายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเข้าไปรายงานตัวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยกล่าวว่า ขอบคุณประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทย น้ำใจไมตรีครั้งนี้แสดงว่าเผด็จการผ่านไป ประชาธิปไตยกลับมา
“รัฐสภาศักดิ์สิทธิ์ ตนอยู่มา 40 ปี เข้าสภาทีไรตื่นเต้นทุกครั้ง ตนรักสภา ชอบอยู่สภา ชอบอภิปราย ไปทะเลเจอฉลาม มาสภาเจอเฉลิม”
ร.ต.อ. เฉลิมกล่าวถึงการเมืองปัจจุบันว่า การเมืองวันนี้แปลกๆ คนรุ่นเก่าเหมือนยาหมดอายุ ต้องให้คนรุ่นใหม่มาทำงาน ถ้าคนรุ่นเก่ายังมีสติปัญญา มีความรู้ดีกว่าคนรุ่นใหม่ จะเอาคนรุ่นใหม่ไปไว้ที่ไหน ต้องทำงานผสมผสาน อย่าดูถูกกัน ทุกคนมีจิตสำนึกรักบ้านเมือง ไม่ใช่อยู่พรรคนี้รักบ้านเมืองกว่า ส่วนอยู่พรรคนี้มีแต่ทัวร์ลง นี่ไม่ใช่ลักษณะการเมือง การเมืองต้องพูดในเรื่องของวิสัยทัศน์ การอภิปรายในสภา และการเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง
สำหรับกรณีพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลมีตัวแทน 8 พรรคร่วมปรึกษาหารือว่าใครเป็นประธานสภา ร.ต.อ. เฉลิมเผยว่า พรรคเพื่อไทยมีตัวแทนเช่นกัน เมื่อได้ข้อตกลงต้องกลับมาที่พรรค ต้องถามสมาชิกว่าเห็นด้วยหรือไม่ ไม่ใช่ไปเพียง 7-8 คนแล้วตกลงกัน คนนี้ก็จะขอตำแหน่ง คนนั้นก็จะขอตำแหน่ง ขอให้คนทั้ง 8 พรรคกลับไปสรุปก่อน อย่าเถียงกัน
เมื่อถามว่า ประธานสภาจะเป็นของพรรคก้าวไกลตามที่พูดคุยได้หรือไม่ ร.ต.อ. เฉลิมระบุว่า ตนต้องทำตามมติพรรคเพื่อไทย หากไม่เห็นด้วยตนก็ไม่เห็นด้วย แต่ถ้าพรรคเห็นด้วยก็จะเป็นมติของพรรค และสุดท้ายก็ต้องมาโหวตในสภา
“ตำแหน่งประธานสภาไม่มีรัฐบาลไหนตั้งได้ง่ายๆ ยากทุกครั้ง นี่เพิ่งเริ่มต้น รายงานตัว ส.ส. ยังไม่ครบ ก็ตั้งตัวจะเป็นรัฐบาล มีตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ ขอให้ทุกคนใจเย็น คนหนุ่มใจร้อน แต่คนอายุมากเขาคิดเป็น” ร.ต.อ. เฉลิมกล่าว
ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชารัฐจะเสนอ สุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธานสภานั้น “คนของพรรคเพื่อไทยจะสละสิทธิ์หรือไม่ หรือจะปล่อยให้เป็นกระบวนการตามสภา ตนยังไม่ขอพูด เพราะยังเป็นเรื่องใหม่ ตนไม่กล้าพูด ให้เข้าประชุมพรรคก่อน”
เมื่อถามว่า คนรุ่นใหม่มีความเหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ร.ต.อ. เฉลิมกล่าวว่า ตนไม่เคยพูด เพราะอยู่คนละพรรค ไม่กลัวทัวร์ลง จะเห็นพรรคอื่นเป็นนายกฯ ได้อย่างไร ผมต้องเห็นคนของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น จะเล่นการเมืองต้องเล่นให้เป็น ไม่ใช่นิดหน่อยก็ตื่นเต้น หากตนเห็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ดีกว่าคนของพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ใช่ เฉลิม อยู่บำรุง
“ประธานสภาอายุน้อยจะเป็นอุปสรรคหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความชำนาญ ความมั่นคง ประสบการณ์ ทำตัวเป็นกลาง ไม่ใช่อะไรก็พรรค ก. ประธานสภา พรรษาน้อยไม่เป็นปัญหาถ้าเก่ง แต่อย่าใช้คำพูดว่า ประธานสภาเป็นพรรคของผม พรรคนั้นพรรคนี้ คนพูดไม่รู้เรื่องไม่รู้การเมือง เลอะเทอะ ประธานสภาเป็นของทุกพรรค ไม่ใช่เป็นของผม จะมาเสนอกฎหมายพรรคเดียวก็ไม่ผ่าน ที่พูดมามันโง่”
เมื่อถามว่า พรรคอันดับหนึ่งจะเสนอเป็นนายกฯ และประธานสภาฯ ได้หรือไม่ ร.ต.อ. เฉลิมกล่าวว่า ของง่ายๆ ทำให้ยาก ถ้าพรรคเพื่อไทยตกลงไม่ส่งคนลงแข่งขัน พรรคไหนลงแข่งขันแล้วสมาชิกเลือกก็ได้เป็น แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยส่งคนลงแข่งขันแล้วสมาชิกในสภาเลือกพรรคเพื่อไทยก็ได้เป็น เช่นเดียวกันกับนายกฯ ไม่ได้พูดเฉพาะเพื่อไทย แต่ก้าวไกลเองก็เหมือนกัน
เมื่อถามว่า จะสร้างความขัดแย้งหรือไม่การที่พูดแบบนี้ ร.ต.อ. เฉลิมกล่าวว่า จะขัดแย้งหรือไม่ตนไม่รู้ แต่ตนไม่ขัดแย้ง ตนเป็น ส.ส. เหมือนกัน พูดในหลักการ คุณจะพกความโง่มาให้สัมภาษณ์ได้อย่างไร เสียชื่อ ส.ส. 40 ปี
เมื่อถามว่าอยากได้ตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ ร.ต.อ. เฉลิมแจงว่า นักการเมืองทุกคนก็อยากเป็นรัฐมนตรีทั้งนั้น รวมทั้งตนถึงแม้ที่ผ่านมาจะเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวงแล้วก็ตาม ครั้งนี้จะได้เป็นหรือไม่ตนไม่รู้
สำหรับวันนี้ ร.ต.อ. เฉลิมยังได้มาพร้อมกับ กาโม่-อาชวิน อยู่บำรุง หลานชายมาด้วย โดยระบุว่ามาเรียนรู้และช่วยงานในสภาไปก่อน