นับตั้งแต่การล่มสลายของ Terra ตลอดจนการล้มละลายของ FTX ทำให้เกิดคำถามใหญ่เกี่ยวกับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของเว็บเทรดแบบรวมศูนย์ (Centralized) และ Binance ได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลก วันนี้ THE STANDARD WEALTH จึงได้สรุปเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่ยุคขาลงของ Binance
สรุปเหตุการณ์ที่นำไปสู่ยุคขาลงของ Binance
ชางเพ็งเจา (Changpeng Zhao) หรือที่รู้จักกันในนาม CZ ซีอีโอของ Binance เจอกับปัญหาทางด้านกฎระเบียบตั้งแต่เรื่องเสนอขายเหรียญ ICO เมื่อปี 2017 แล้ว นอกจากนี้เว็บเทรดชั้นนำยังเจอกับข้อกล่าวหาอื่นๆ รายงานพิเศษของ Reuters ระบุว่า Binance มีการดำเนินธุรกรรมที่ผิดกฎหมายมูลค่าราวๆ 2.35 พันล้านดอลลาร์ ในระหว่างปี 2017-2020 ซึ่งอาจมาจากการแฮ็ก การโกง และการซื้อ-ขายที่ผิดกฎหมาย
ตลาดคริปโตเริ่มซื้อ-ขายในสภาวะตลาดหมีตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2022 อย่างไรก็ตาม ตลาดขาลงถูกซ้ำเติมวิกฤตการณ์ล่มสลายของเครือข่าย Terra เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 และทำให้ราคาสกุลเงินดิจิทัลร่วงลงอย่างรุนแรงทั้งตลาด
การล่มสลายของเครือข่าย Terra ทำให้ราคาเหรียญ LUNA และ UST ดิ่งลงเหวจนแทบไร้มูลค่า ไม่ใช่เพียงนักลงทุนรายย่อยที่ขาดทุนอย่างหนัก แต่เหล่าวาฬและบริษัทคริปโตที่ลงทุนใน Terra ก็ขาดทุนมหาศาลด้วยเช่นกัน เหตุการณ์นี้ทำให้บริษัทคริปโตล้มละลายมากมาย เช่น Three Arrows Capital, Voyager Digital, Celsius Network และอีกมากมาย
ความเชื่อมั่นในตลาดยังคงแย่ลงอย่างต่อเนื่อง กระทั่งในเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 นักเทรดจำนวนหนึ่งกังวลเกี่ยวกับมูลค่าเหรียญ FTT ของเว็บเทรด FTX ที่มีมูลค่าสูงเกินจริงและมีสภาพคล่องต่ำ ทำให้เจอกับแรงเทขายอย่างรุนแรง จนเว็บเทรดประสบกับปัญหาสภาพคล่อง และต้องปิดระบบฝาก-ถอนเหรียญ หลังจากนั้นไม่นานบริษัท FTX ก็ประกาศล้มละลายในที่สุด
การล้มละลายของ FTX ทำให้เกิดคำถามใหญ่เกี่ยวกับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของเว็บเทรดแบบรวมศูนย์ (Centralized) และ Binance ได้รับผลกระทบเต็มๆ เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มซื้อ-ขายคริปโตที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลก
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว Binance ถูกตั้งคำถามเรื่อง Proof of Reserves ที่ไม่โปร่งใส นักลงทุนเริ่มวิตกกังวลและถอนเงินออกจากแพลตฟอร์มมากขึ้น ทำให้ Binance เผชิญกับเงินทุนไหลออกจากแพลตฟอร์มจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2023 หน่วยงานกำกับด้านการเงินของนิวยอร์กสั่งให้ Paxos บริษัทผู้ออกเหรียญ BUSD หยุดการออกเหรียญ จากนั้นไม่นาน Binance ก็ถูกคณะกรรมาธิการการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐฯ ยื่นฟ้องข้อหาละเมิดกฎการซื้อ-ขาย โดยไม่ได้จดทะเบียนกับ CFTC ในฐานะคนกลางซื้อ-ขายตราสารอนุพันธ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
เมื่อต้นเดือนมิถุนายน ปี 2023 สำนักงาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ ฟ้องร้อง Binance.US และ Coinbase ข้อหาละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์หลายประการ และฟ้องร้อง 13 ข้อหา รวมถึงการลิสต์ BNB และ BUSD ที่ไม่ได้มีการจดทะเบียนอีกด้วย ราคาเหรียญ BNB และ BUSD ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดวันที่ 18 มิถุนายน 2023 DAI แซงหน้า BUSD ขึ้นแท่นเป็นเหรียญ Stablecoin อันดับ 3 ของโลกแล้ว
เป็นเรื่องที่ต้องจับตามองต่อไปว่า Binance จะหาทางออกได้หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ Binance ไม่ได้มีปัญหากับ ก.ล.ต.สหรัฐฯ เท่านั้น แต่กำลังเจอกับการถูกตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก กฎระเบียบที่ชัดเจนจากสหรัฐฯ จะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมคริปโตในอนาคต แต่หากการปราบปรามยังคงเป็นไปอย่างเข้มงวดและไม่มีความชัดเจน บริษัทคริปโตหลายแห่งอาจเลือกที่จะย้ายบริษัทออกจากสหรัฐฯ ไปยังประเทศอื่นที่เป็นมิตรมากกว่า เช่น ฮ่องกงที่กำลังส่งสัญญาณต้อนรับ Coinbase ให้ย้ายถิ่นฐานเข้ามา, สหราชอาณาจักรเตรียมนโยบายต้อนรับบริษัท Web3, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์วางแผนที่จะเป็นศูนย์กลางด้านคริปโต และรัสเซียที่กำลังกำกับดูแลคริปโตให้ถูกกฎหมาย นี่จะเป็นสิ่งที่ท้าทายมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ต่อไปในอนาคต
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง:
