“คนเรายิ่งจนตรอกยิ่งโดนหลอกง่าย” Bloodhounds ซีรีส์แอ็กชัน-อาชญากรรมความยาว 8 ตอนบน Netflix ยังครองอันดับ 1 ของรายการโทรทัศน์ที่มีผู้ชมสูงสุดในประเทศไทยตลอดสัปดาห์นี้ กับเรื่องราวของสองนักมวยที่ต้องถลุงหมัดนอกสังเวียนกับเจ้าพ่อเงินกู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม
ซีรีส์เป็นผลงานกำกับและเขียนบทซีรีส์เรื่องแรกของ คิมจูฮวาน ผู้กำกับภาพยนตร์ Midnight Runners (2017), The Divine Fury (2019) และ My Puppy (2023) โดยดัดแปลงบทมาจากเว็บตูนปี 2019 ของนักเขียน จองชาน
เคมี Bromance ของสองตัวละครหลักอย่าง อูโดฮวาน และ อีซังอี เป็นจุดแข็งที่ทำให้ซีรีส์น่าติดตาม แต่น่าเสียดายที่ต้องลดความสำคัญของนักแสดงที่ผู้ชมคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กอย่าง คิมแซรน ทั้งที่ตามต้นฉบับแล้วบทของเธอก็โดดเด่นไม่แพ้กัน
เนื่องจากเดือนพฤษภาคม 2022 เธอก่อเหตุเมาแล้วขับรถชน และพยายามหนีจากที่เกิดเหตุ นอกจากจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแล้ว เส้นทางในวงการของเธอก็มืดลงทันที KBS ช่องโทรทัศน์รายใหญ่ของเกาหลีใต้ประกาศแบนเธอไม่ให้ปรากฏตัวในช่อง ด้าน Netflix ก็แจ้งว่าจะลดฉากของเธอ แต่จำเป็นต้องคงพาร์ตสำคัญไว้เพื่อให้เข้าใจเนื้อเรื่อง ขณะที่ทีเซอร์โปรโมตนั้นไม่มีใบหน้าของเธอปรากฏอยู่เลย
กลับมาที่เรื่องราวหลักของ Bloodhounds ซีรีส์อิงกับความยากลำบากในสถานการณ์ล็อกดาวน์ช่วงโควิด-19 เช่นนักมวยดาวรุ่งอย่าง คิมกอนอู (รับบทโดย อูโดฮวาน) ที่ต้องหยุดพักยาวๆ แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้สนิทกับรุ่นพี่นักมวย ฮงอูจิน (รับบทโดย อีซังอี) ที่เปลี่ยนจากคู่ต่อสู้ในสังเวียนมาเป็นคู่หูอย่างรวดเร็ว
พิษโควิดยังส่งผลกระทบกับร้านคาเฟ่ของแม่คิมกอนอูอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอหันไปพึ่งเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ Smile Capital ที่ใช้ความสิ้นหวังของผู้คนมาหลอกคิดดอกเบี้ยจำนวนมหาศาล พอไม่มีเงินจ่ายได้ทันเวลา แก๊งทวงหนี้ก็บุกมาทำร้ายอย่างป่าเถื่อน
ฮงอูจินเข้ามาช่วยคิมกอนอูหาเงินก้อนโตให้เร็วที่สุดอีกแรง และได้พบกับประธานชเว (รับบทโดย ฮอจุนโฮ) ตำนานเจ้าพ่อเงินกู้ที่ล้างมือจากวงการมาช่วยเหลือคนแบบไม่หวังผล โดยประธานชเวจ้างให้ทั้งสองคนเป็นบอดี้การ์ดช่วยดูแลหลานของเขา คิมฮยอนจู (รับบทโดย คิมแซรน) เวลาเธอออกไปทำงานเสี่ยงอันตราย
นำไปสู่การค้นพบว่าพวกเขาต่างมีศัตรูคนเดียวกันคือ Smile Capital ซึ่งมีตัวการอย่าง คิมมยองกิล (รับบทโดย พัคซองอุง) คอยขูดรีดคนอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย กล้าแบล็กเมลคนใหญ่คนโตเพื่อหาช่องทางตักตวงผลประโยชน์ในเวลานี้มากขึ้นไปอีก
ซีรีส์ปูพื้นตัวละครมาว่าพ่อของคิมกอนอูเคยแพ้คดีให้บริษัทใหญ่ เขาติดหนี้ ติดเหล้า และหันมาทุบตีแม่ คิมกอนอูจึงอยากแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องเธอ ส่วนฮงอูจินก็อยู่ใต้เงาของพ่อที่เป็นนักมวยชื่อดัง เขาเคยอยู่ในแก๊งนักเลง ทำงานกับพวกปล่อยเงินกู้นอกระบบ แต่ก็ตัดขาดไปหลังได้เกณฑ์ทหารเป็นนาวิกโยธิน (และยังภูมิใจเสียจนถูกแซวว่าเป็นพวก ‘คลั่งกองทัพ’ หรือเปล่า)
พูดได้ว่าพวกเขาคือคนธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีต้นทุนหรือทางเลือกอะไรมากมาย แต่ก็อยู่ในลู่ในทาง รู้ว่าอะไรคือความถูกต้อง ดังนั้นพอต้องกลายเป็น ‘หมาล่าเนื้อ’ เข้าไปพัวพันกับด้านมืดของธุรกิจเหล่านี้ที่การหักหลังเอาตัวรอดเป็นเรื่องปกติ แถมยังมีสิ่งล่อตาล่อใจตอบแทนมากมาย จึงเป็นบททดสอบวัดใจอีกอย่างเหมือนกันว่าพวกเขาจะรักษาศักดิ์ศรีและจิตวิญญาณไว้ได้หรือไม่
อย่างที่บอกว่าคาแรกเตอร์ของอูโดฮวานและอีซังอีเคมีเข้ากันได้ลงตัวมากทีเดียว คนหนึ่งดูซื่อๆ แต่มีความไม่ยอมคน อีกคนขี้เล่นและคอยสร้างบรรยากาศในวงสนทนา เมื่อได้เปิดโหมดต่อสู้ร่วมกันแล้วพวกเขาก็กลายเป็นคู่หูที่ยอดเยี่ยม ใช้ศิลปะการต่อสู้ที่น่าทึ่งส่งฉากแอ็กชันระทึกใจในทุกอีพี
ด้านตัวร้ายอำมหิตก็ทำเรื่องชั่วกันแบบโต้งๆ ไม่มีอะไรกั้น ซึ่งนั่นแหละยิ่งทำให้ผู้ชมอยากจะเอาใจช่วยคนตัวเล็กๆ ที่ดูจนตรอกเสียเหลือเกินให้สามารถโค่นคนเลวให้ได้ แต่นอกจากนี้พวกเขาก็ยังได้พบกับพันธมิตรที่ดี รวมถึงนักธุรกิจตระกูลแชโบลและตำรวจที่เข้ามาช่วยพลิกผันเรื่องล้มเกมกันไปกันมา
ช่วงท้ายๆ อีพี 7-8 เห็นได้ชัดว่าพอตัวละครของคิมแซรนหายไปแล้วส่งผลกระทบอย่างไร แต่เชื่อว่าทีมงานก็พยายามปรับปรุงบทให้มีความต่อเนื่องกันภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ เพื่อสื่อสารใจความของเรื่องออกมา โดยสิ่งที่จำเป็นที่สุดในช่วงเวลาอันยากลำบากและสิ้นหวังก็คือการมีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นและไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกับที่ตัวละครให้กำลังใจกันว่า “ถ้าเราช่วยเหลือกันและกัน มันก็จะผ่านพ้นไปได้”
รับชมตัวอย่างซีรีส์ได้ที่นี่:
ภาพ: Netflix
อ้างอิง: