ภาพของ ฮอร์เก เมสซี ผู้เป็นทั้งพ่อและตัวแทนของ ลิโอเนล เมสซี เดินทางมาเจรจากับ โจน ลาปอร์ตา ประธานสโมสรบาร์เซโลนา เมื่อวันก่อน ได้จุดกระแสความหวังของเหล่าบาร์เซโลนิสตาที่อยากจะเห็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดตลอดกาล กลับมายังสโมสรที่เป็นเหมือน ‘บ้าน’ ของพวกเขาอีกครั้ง
โดยเฉพาะหลังจากที่เมสซีต้องตกเป็นแพะรับบาปในความล้มเหลวของปารีส แซงต์ แชร์กแมง กลายเป็นเป้าที่แฟนบอลโจมตีอย่างหนักหน่วง ถึงขั้นโห่ไล่ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ความต้องการที่อยากจะเห็นนักฟุตบอลที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ได้รับเกียรติที่คู่ควรเพิ่มมากขึ้นไปอีก
เมสซีเองก็ไม่ได้ปิดบังความต้องการของตัวเอง ความรู้สึกของเขาบอกผ่านทั้งคำพูดและการกระทำของ ฮอร์เก เมสซี อย่างชัดเจนว่า บาร์เซโลนาคือตัวเลือกแรกสำหรับเขาเสมอ
ต่อให้คัมป์นูอยู่ระหว่างการปิดปรับปรุง แต่สถานที่ไม่ได้มีความหมายมากไปกว่าผู้คน เมสซีต้องการที่จะกลับมาอำลาแฟนบอลบาร์ซาที่เขารักและคิดถึงเสมออีกสักครั้งเป็นครั้งสุดท้าย และพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อจะกลับมาให้ได้ ขอแค่ชัดเจนว่าบาร์ซาจะพาตัวเขากลับมาได้จริงๆ
แต่ดูเหมือนว่าต่อให้ทำขนาดนี้ โอกาสที่เมสซีจะได้กลับมาบาร์ซาอีกครั้งนั้นกลับน้อยลงทุกนาทีที่ผ่านไป และดูเหมือนตอนนี้บ้านหลังใหม่ที่อาจจะเป็นบ้านหลังสุดท้ายของเขาคืออินเตอร์ ไมอามี ในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ (MLS) แทน
ตามรายงานของ The Athletic และ Forbes เป็นไปในทิศทางตรงกันว่า อินเตอร์ ไมอามี กลับมาเป็นทีมที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะได้เมสซีมาร่วมทีม หลังจากที่ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังวัย 35 ปี หมดสัญญากับปารีส แซงต์ แชร์กแมง และสามารถย้ายทีมได้โดยอิสระ
โดยในรายงานข่าวอ้างว่ามีแหล่งข่าวหลายแหล่งระบุตรงกันว่า โอกาสที่เมสซีจะย้ายมาอยู่ที่ฟลอริดามีสูง แม้ว่าสถานการณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกทีมใหม่ของเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่รายสัปดาห์ แต่เป็นหลายวัน หรืออาจจะเป็นรายชั่วโมง
นอกจากปัจจัยเรื่องความปรารถนาที่จะกลับบ้านที่บาร์เซโลนาแล้ว ยังมีหลายทีมที่อยากลองยื่นข้อเสนอให้ราชาลูกหนังแห่งยุคด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีรายงานว่า มีสโมสรในระดับท็อปของยุโรป โดยหนึ่งในนั้นเป็นสโมสรจากพรีเมียร์ลีกที่ยื่นข้อเสนอมาให้พิจารณาด้วย
แต่ดูเหมือนเมสซีจะมีทางเลือกแค่ 2 ทางเท่านั้นคือ หากไม่สามารถกลับบาร์ซาได้ เขาจะไป MLS ตามคำมั่นที่เคยให้กับอินเตอร์ ไมอามี และ เดวิด เบ็คแฮม
โดยข้อเสนอจากซาอุดีอาระเบียที่เคยมีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ไม่อยู่ในเกณฑ์การพิจารณาแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีการทุ่มงบประมาณแบบไม่อั้นหลังจากการทำให้ลีกซาอุดีอาระเบียเป็นซูเปอร์ลีก กลายเป็นนโยบายสำคัญของประเทศ โดย PIF กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ที่เข้ามาซื้อหุ้นและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 75% ของ 4 สโมสรใหญ่ อัล อาลี, อัล อิตติฮัด, อัล นาสเซอร์ และอัล ฮิลาล ซึ่งกระชากตัว คาริม เบนเซมา มาร่วมทีมอัล อิตติฮัด และใกล้จะได้ เอ็นโกโล ก็องเต มาจากเชลซีอีกราย
ปัญหาสำหรับเมสซีคือ การกลับมาบาร์เซโลนานั้นมีความยุ่งยากและสลับซับซ้อนอย่างมากจากสถานการณ์ทางการเงินของสโมสรที่ยังอยู่ในขั้นวิกฤต อีกทั้งยังมีระเบียบการของลาลีกาที่เคร่งครัดในเรื่องของระเบียบทางการเงินอย่างมาก
ความเคร่งครัดของลาลีกา ทำให้บาร์ซาต้องพยายามอย่างหนักหน่วงในการเสนอแผนงบประมาณทางการเงินล่วงหน้าเป็นระยะเวลา 2 ปี ว่าสโมสรจะมีการบริหารจัดการอย่างไร เพื่อให้สามารถประคับประคองสโมสรให้รอดพ้นจากสถานการณ์วิกฤตทางการเงินที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ แม้ว่าเมื่อปีกลายจะมีความพยายามอย่างมากในการใช้ทางลัดด้วยการใช้ ‘Palancas’ หรือ ‘คานทางเศรษฐกิจ’ เพื่อลดวิกฤตทางการเงินของสโมสร และทำให้สโมสรมีความสามารถในการปรับทัพเสริมทีมด้วยการขายสินทรัพย์ถึง 4 ครั้ง
แผนการนี้มีการนำเสนอไปก่อนหน้านี้ แต่มีความล่าช้าในการพิจารณา จนกระทบต่อการเจรจาดึงตัวเมสซีกลับมาอีกครั้ง และมีกระแสข่าวว่า สตาร์วัย 35 ปีอาจไม่รอ โดยอาจจะพิจารณาข้อเสนอจากซาอุดีอาระเบียทันที แต่สุดท้ายทางด้านลาลีกาได้มีการอนุมัติแผนนี้
แต่การอนุมัติแผนทางการเงินไม่ได้หมายความว่าบาร์ซาจะสามารถดึงตัวเมสซีกลับมาได้จริง ต่อให้ตอนนี้สามารถ ‘ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการ’ ให้กับเมสซีได้ก็ตาม
เบน เจค็อบส์ ผู้สื่อข่าวทางการเงินในวงการฟุตบอลได้แจกแจงรายละเอียดในเรื่องนี้ โดยระบุว่า เขา ‘เข้าใจว่า’ บาร์ซานั้นจะอยู่เกินเกณฑ์ข้อจำกัด Squad-Cost Limit 200 ล้านยูโร ในความหมายคือ จะทำให้ทีมใช้จ่ายได้แค่ 40% ของรายรับที่จะเกิดขึ้น
บาร์ซาจะใช้จ่ายได้มากขึ้นก็ต่อเมื่อมีการผ่องถ่ายขายนักเตะออกไป หรือมีการลดจำนวนค่าเหนื่อยของผู้เล่นลง
ประเด็นนี้เองที่เป็นปัญหาในการเซ็นสัญญากับเมสซี ต่อให้ราชาลูกหนังยินดีที่จะกลับมาลงเล่นให้แบบฟรีๆ ก็ตาม เพราะบาร์ซาจะไม่ยื่นข้อเสนออย่างเด็ดขาดจนกว่าพวกเขาจะได้รับการยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า ข้อเสนอของพวกเขาเป็นที่พึงพอใจของเมสซีจริงๆ
หรือต่อให้เมสซียอมรับข้อเสนอที่เหมาะสมกับสถานะทางการเงินของสโมสรจริง บาร์ซาก็ยังไม่สามารถขยับตัวเซ็นสัญญาได้ทันที เนื่องจากปัญหาของพวกเขาทำให้การตัดสินใจทุกเรื่องของสโมสรจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการอิสระที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน ที่ถูกแต่งตั้งมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทำทุจริตปิดบังทางการเงินใดๆ
คณะกรรมการซึ่งประกอบไปด้วยนักกฎหมายและนักเศรษฐศาสตร์จะใช้เกณฑ์พิจารณาเรื่องนี้โดยอิงจากไกด์ไลน์ 105 ข้อที่มีการระบุไว้ ซึ่งจะมีเกณฑ์ในการพิจารณาร่วมประกอบสัญญา อาทิ อายุของเมสซี จากนั้นจึงจะมีการเสนอ ‘ตัวเลขขั้นต่ำ’ ที่บาร์ซาสามารถเสนอให้เมสซีได้ (ห้ามต่ำกว่าตัวเลขนั้น)
ที่ขั้นนี้จึงถือว่าเป็นขั้นที่บาร์ซาเสนอสัญญาให้เมสซีได้จริงๆ ซึ่งกระบวนการพิจารณาจะใช้ระยะเวลาเท่าไรยังไม่มีใครทราบ
ทางฝ่ายบาร์ซาพวกเขาเองรับรู้กระบวนการนี้เป็นอย่างดีและรู้ว่ามีอุปสรรคมากมาย แต่ยังพยายามขอประวิงเวลาจากฝ่ายของเมสซี ซึ่งล่าสุดคือการขอให้เมสซีอดทนรอจนกว่าจะถึงเดือนสิงหาคม ว่าจะสามารถยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการได้ไหม ในวงเล็บว่า สโมสรจะต้องแก้ปัญหาเรื่อง Squad-Cost Limit ให้ได้ก่อน
อย่างไรก็ดี ทางด้าน กีเยม บาลาเก กูรูบอลสเปนชื่อดัง ได้วิเคราะห์เรื่องนี้ทาง BBC ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่า เมสซีจะไม่มีวันได้กลับบาร์ซา เพราะไม่ต้องการที่จะอดทนทำเพื่อบาร์ซาขนาดนั้น
บาร์ซาในมุมมองของบาลาเก (ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติให้เมสซี) ก็เชื่อว่า แค่พยายามจะสร้าง ‘สตอรี’ ว่าพวกเขาได้พยายามถึงที่สุดแล้วที่จะพาเมสซีกลับมา แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือ พวกเขาไม่เคยยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการเลย และไม่สามารถการันตีใดๆ ได้ว่าพวกเขาจะยื่นข้อเสนอก่อนวันที่ 1 กันยายน
ปัญหาในกฎการเงินของบาร์ซาทำให้การพาเมสซีกลับบ้านเป็น Mission Impossible
หากสุดท้ายพวกเขาทำไม่สำเร็จ อย่างน้อยก็ได้ภาพว่าพยายามแล้ว และสามารถโยนความผิดให้กับลาลีกา หรือแม้แต่กับเมสซีที่ไม่สามารถอดทนรอได้
อย่าลืมว่าเมื่อ 2 ปีก่อน เมสซีเองเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เคยคิดฝัน เมื่อเขาพร้อมจะต่อสัญญากับบาร์ซา แต่สุดท้ายสโมสรบอกว่า ‘เซ็นสัญญาไม่ได้แล้วนะ’ จนทำให้ต้องระเห็จไปอยู่ปารีสถึง 2 ฤดูกาล ซึ่งนั่นพอจะอนุมานได้ว่า เรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาอีกครั้งก็ได้ และนั่นทำให้เมสซีไม่ต้องการที่จะรอเพื่อจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันอีก
หากบาร์ซาตั้งใจอยากจะให้เขากลับมาจริง ก็แค่แสดงความจริงใจด้วยการยื่นข้อเสนอ และให้คำมั่นว่าจะพาเขากลับมาให้ได้ผ่านแผนการที่ชัดเจน สเต็ป 1-2-3-4
จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้โอกาสกลับบาร์ซาแทบเป็นไปไม่ได้ และนั่นหมายถึงทางเลือกที่เหลืออยู่สำหรับเมสซีคือการไปอินเตอร์ ไมอามี ซึ่งก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่นัก แม้ว่าเงินรายได้ที่ได้รับจะน้อยกว่าที่ซาอุดีอาระเบียเสนอให้หลายเท่าก็ตาม
นอกจากนี้ยังมี ‘จิ๊กซอว์’ ให้ประกอบตามจินตนาการ ดังนี้
- ตามรายงานจาก The Athletic เปิดเผยว่า ฝ่ายของเมสซีได้เจรจาในระดับสูงกับ MLS และ Apple ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีของโลก ซึ่งเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ในระยะเวลา 10 ปีให้ MLS ในมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ทั้ง MLS และ Apple ยินดีที่จะแบ่งเงินรายได้ของผู้สมัครใช้บริการ MLS Season Pass ซึ่งเป็นแพ็กเกจเสริมที่ทาง Apple TV+ ให้กับเมสซี
- เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (6 มิถุนายน) Apple บรรลุข้อตกลงกับเมสซีในการสร้างสารคดีเรื่องราวชีวิตของเขาที่ไปคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรกมาได้ ซึ่งจะออกฉายจำนวน 4 ตอน ทาง Apple TV+
- adidas ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์รายใหญ่ที่สุดของ MLS เตรียมปรับข้อตกลงพิเศษให้กับเมสซีในกรณีที่ย้ายมาสหรัฐอเมริกา โดยเชื่อว่าจะมีเรื่องของส่วนแบ่งรายได้กับทาง adidas หากมาเล่นใน MLS ซึ่งยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีเป็นสปอนเซอร์หลักมาตั้งแต่ปี 1996 ทำชุดแข่งให้ 29 ทีมใน MLS และเพิ่งต่อสัญญายาวกันไปอีก 6 ปีเมื่อต้นปีที่ผ่านมาในมูลค่า 830 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เดวิด เบ็คแฮม เพิ่งเดินทางไปเยี่ยมเมสซีที่ศูนย์ฝึกของเปแอสเชเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา (แต่ก็เป็นสโมสรเก่าของเบ็คแฮมด้วยเช่นกัน)
- อินเตอร์ ไมอามี มีข่าวพร้อมดึง เกราร์โด ตาตา มาร์ติโน กุนซือที่เคยร่วมงานกับเมสซีในทีมบาร์ซา
- ในอินเตอร์ ไมอามี มีคนเก่าแก่ของบาร์ซาร่วมงานอยู่อย่าง ชาบี อาเซนซี อดีตบิ๊กการเงินของบาร์ซาที่เคยนั่งแท่นบอร์ดบริหาร
ก่อนหน้านี้เมสซีเองก็มีแนวคิดที่จะปิดฉากชีวิตการเล่นที่ MLS อยู่แล้ว โดยคาดหวังว่าจะได้กลับมาเล่นร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ เพื่อนรัก อีกทั้งยังเป็นสโมสรของ เดวิด เบ็คแฮม ที่ต้องการจะสร้างปรากฏการณ์ให้เกิดขึ้นในดินแดนอเมริกาเหนือ
เมื่อครั้งที่อินเตอร์ ไมอามี เปิดตัวในปี 2018 เมสซีเคยโพสต์ข้อความอวยพรเบ็คแฮมว่า “ใครจะรู้ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าคุณอาจจะสวมแหวนให้ผมก็ได้”
ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่เมสซีจะตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายของการเล่นที่ไมอามี ซึ่งอาจจะเป็นบ้านหลังสุดท้ายของราชาลูกหนังยุคนี้
เหมือนที่ เปเล่ ราชาลูกหนังคนก่อน ก็เคยปิดฉากการเล่นกับนิวยอร์ก คอสมอส เช่นกัน
อ้างอิง:
- https://theathletic.com/4587862/2023/06/06/lionel-messi-inter-miami-barcelona/?source=twitterhq
- https://www.forbes.com/sites/tomsanderson/2023/06/06/lionel-messi-agrees-to-join-inter-miami-reports/?sh=520efb031f1c
- https://edition.cnn.com/2023/06/06/football/lionel-messi-father-fc-barcelona-spt-intl/index.html
- https://www.bbc.com/sport/football/65770318