NVIDIA กลายเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่กำลังผลักดันการดีดตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปีนี้ แม้ว่าผู้ซื้อรายใหญ่ล่าสุดของ NVIDIA เชื่อว่าความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ในปัจจุบันจะสร้างผู้แพ้มากกว่าผู้ชนะในตลาด
บริษัทชิปซึ่งตั้งอยู่ในซิลิคอนแวลลีย์อย่าง NVIDIA กลายเป็นผู้ผลิตชิปรายแรกที่มูลค่าบริษัทแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาลงทุนจากการที่บริษัทได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการพัฒนาของ AI
Rajiv Jain ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ GQG Partners กล่าวว่า “จากบริบทของ NVIDIA การเข้ามาของ AI จะสร้างผู้แพ้มากกว่าผู้ชนะ” เนื่องจากเป็นสิ่งที่ขัดขวางรูปแบบธุรกิจเดิมในอุตสาหกรรมต่างๆ
GQG Partners เข้าซื้อหุ้นของ NVIDIA มูลค่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ภายในไตรมาสแรก และตั้งแต่นั้นมาก็ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นอยู่เสมอ
หุ้น NVIDIA พุ่งขึ้น 170% ในปีนี้ และเพิ่มมูลค่าให้แก่ตลาดถึง 5.75 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นกำไรที่ตามหลัง Apple และ Microsoft ที่มีมูลค่า 7.21 แสนล้านดอลลาร์ และ 6.54 แสนล้านดอลลาร์ ตามลำดับ
Jain กล่าวว่า ในขณะที่บริษัทเซมิคอนดักเตอร์หลายแห่งมีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จากการเป็นอุตสาหกรรมที่มีอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดสูง และความต้องการชิปที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน ดังนั้นบริษัทซอฟต์แวร์และบริการด้านไอทีบางแห่งอาจเสียเปรียบ เนื่องจาก AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบอัตโนมัติ และทำให้ปฏิบัติการขั้นพื้นฐานหลายๆ อย่างกลายเป็นเรื่องซ้ำซ้อน
การเปิดตัว ChatGPT ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ได้จุดกระแสความต้องการชิป NVIDIA H100 ซึ่ง Jensen Huang ประธานและซีอีโอคนปัจจุบันของ NVIDIA อธิบายว่าเป็น “คอมพิวเตอร์หรือชิปเครื่องแรกของโลกที่ออกแบบมาสำหรับ AI” ซึ่งเป็นระบบที่สามารถสร้างข้อความ ภาพ และเนื้อหาที่เหมือนมนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ Jain ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างภายในภาคส่วนเทคโนโลยี โดยบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ทำกำไรได้ ซึ่งอยู่ในดัชนีตลาดหุ้นจำนวนมาก กำลังทิ้งห่างจากกลุ่มที่ขาดทุนและถูกปิดตัว ซึ่งเป็นผลกระทบจากโรคระบาดโควิด
ฉะนั้นอุปสรรคสำคัญสำหรับ NVIDIA คือบริษัทจะสามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่ง Jain ได้ทิ้งท้ายว่า “บริษัทต่างๆ ขาดรายได้ตลอดเวลา เพราะไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้เมื่อถึงเวลา นั่นคือปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่ NVIDIA กำลังเผชิญอยู่ ณ จุดนี้”
อ้างอิง: