สื่อเมียนมาจับตานโยบายไทยที่จะมีต่อเมียนมาในอนาคต หลังพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง 2566 ถึงแม้ตอนนี้การจัดตั้งรัฐบาลผสมจะยังคลุมเครือ แต่นับตั้งแต่ที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความแสดงความห่วงใยพี่น้องผู้ประสบภัยชาวเมียนมา อีกทั้งยังแย้มเกี่ยวกับนโยบายไทยที่มีต่อเมียนมาผ่านทางทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา บวกกับการให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เขาได้มอบหมายให้ ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ ไปศึกษารายงานของ UN ที่เปิดเผยว่า ไทยสนองอาวุธให้เมียนมาด้วยนั้น ทำให้ขณะนี้ท่าทีของไทยกลายเป็นที่สนใจของคนในเมียนมาด้วยเช่นกัน
สำนักข่าว The Irrawaddy รายงานบทสัมภาษณ์ของ ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ คีย์แมนคนสำคัญในทีมนโยบายการต่างประเทศของพรรคก้าวไกล และบุตรชายของ สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตเลขาธิการอาเซียน ที่ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Thai PBS ซึ่งระบุว่า รัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกลจะไม่นิ่งเฉยต่อวิกฤตการณ์ในเมียนมาอีกต่อไป
นับตั้งแต่ปี 2564 เมียนมาตกอยู่ในสถานการณ์ความขัดแย้งที่นำไปสู่เหตุนองเลือดหลายครั้งหลายครา หลังจากที่ มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา นำกำลังทหารเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนของ ออง ซาน ซูจี พร้อมปราบปรามผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง ขณะที่พลเรือนบางส่วนได้จับอาวุธขึ้นต่อสู้กับเผด็จการทหาร จนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากในประเทศ ขณะที่ความพยายามทางการทูตที่จะยุติวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้หยุดชะงักลง และปัญหาที่ลุกลามบานปลายก็กลายเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไทยที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีพรมแดนติดกัน
The Irrawaddy รายงานสรุปคำกล่าวของฟูอาดี้ที่เปิดเผยว่า รัฐบาลชุดต่อไปจะฟื้นฟูนโยบายต่างประเทศขึ้นใหม่ เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ในอาเซียนและบรรเทาวิกฤตทางการเมืองในเมียนมา โดยไทยจะไม่ใช้การทูตแบบเงียบๆ หรือ Quiet Diplomacy รับมือกับสถานการณ์ในเมียนมา แต่รัฐบาลใหม่จะเข้าร่วมเจรจากับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างครอบคลุม โดยจะเน้นทั้งด้านมนุษยธรรมและเศรษฐกิจ
ฟูอาดี้กล่าวเสริมด้วยว่า ภายใต้รัฐบาลใหม่ไทยจะปรับสมดุลนโยบายต่างประเทศ เพื่อฟื้นฟูชื่อเสียงบนเวทีโลก โดย The Irrawaddy ตั้งข้อสังเกตว่า ภายใต้รัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นโยบายต่างประเทศของไทยมีลักษณะเอนเอียงไปทางจีนมากขึ้น อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ ‘ที่เป็นมิตรเกินไป’ กับผู้นำทหารเมียนมา
นอกจากประเด็นเมียนมาแล้ว ฟูอาดี้ยืนยันว่า รัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกลจะยกระดับความพยายามในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ระดับโลกด้วย อาทิ ปัญหาความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในการแถลงข่าวหลังคว้าชัยในศึกเลือกตั้ง พิธาเคยเน้นย้ำถึงการผลักดัน ‘ฉันทามติ 5 ข้อ’ ที่บรรดาผู้นำและผู้แทนชาติในอาเซียนบรรลุร่วมกันเมื่อปี 2564 เพื่อยุติความรุนแรงในเมียนมาและปูทางสู่การเจรจา อย่างไรก็ตาม ผู้นำทหารของเมียนมาเพิกเฉยต่อฉันทามติดังกล่าว และยังคงเดินหน้าใช้ความรุนแรงกับผู้ที่ต่อต้านซึ่งเป็นพลเรือนด้วย
ภาพ: The Irrawaddy
อ้างอิง: