วันนี้ (19 พฤษภาคม) กฤดิทัช แสงธนโยธิน หัวหน้าพรรคใหม่ เปิดเผยถึงเหตุผลในการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลว่า เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศให้ไปสู่กระบวนการตามกติกาของระบอบประชาธิปไตย และรวบรวมเสียงให้ครบในการเข้าสู่กระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรี ซึ่งนโยบายของพรรคใหม่กับพรรคก้าวไกลมีความใกล้เคียงกัน ยกเว้นนโยบายเดียวที่เห็นต่างคือ มาตรา 112 ซึ่งได้มีการพูดคุยในเบื้องต้น พรรคก้าวไกลรับปากว่า MOU ที่จะแถลงในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ จะไม่มีประเด็นนั้น ส่วนในอนาคตจะเอาประเด็นนี้ไปเสนอในที่ประชุมรัฐสภานั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนนโยบายที่พรรคใหม่จะเสนอเข้าไปใน MOU นั้น กฤดิทัชกล่าวว่า เป็นเรื่องของการปฏิรูประบบราชการ ในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ทั้งตำรวจ ศาล การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชน และการปฏิรูประบบการศึกษาที่มองเป็นปัญหาสำคัญระดับประเทศ หากพัฒนาส่วนนี้ได้จะทำให้การเติบโตของประเทศเป็นไปอย่างก้าวกระโดด ซึ่งพรรคก้าวไกลมีนโยบายนี้อยู่แล้ว และพรรคก้าวไกลชี้ให้เห็นแล้วว่าเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้
กฤดิทัชกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังรวมถึงเรื่องการเกษตร ที่ดินทำกิน ซึ่งเป็นนโยบายข้อสำคัญของพรรคใหม่ที่อยากจำกัดการถือครองที่ดินต่อประชากร 1 คนให้ไม่เกิน 100 ไร่ ต้องออกโฉนดทั้งประเทศ ไม่ให้เหลือเอกสารสิทธิประเภทอื่น และนำที่ดินที่มีอยู่มาจัดสรรให้คนที่ไม่มีที่ดินทำกิน ถือเป็นการตั้งโต๊ะเพื่อรับซื้อที่ดินจากคนที่ถือครองที่ดินเกิน ซึ่งวิธีการซื้อคืนมีกระบวนการต่างๆ มากมาย
กฤดิทัชกล่าวอีกว่า เราไม่ได้พูดถึงตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเห็นว่าเราเหมาะสมตรงไหน แต่ในส่วนที่เราถนัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเกษตรกรหรือการปราบทุจริตคอร์รัปชัน เราอยากจะทำเพื่อให้ประชาชนที่เลือกพรรคใหม่เข้ามาเห็นและตอบพี่น้องประชาชนที่เลือกเรามาได้ว่า เราได้ทำงานและเอานโยบายที่ประชาชนเดือดร้อนมาแก้ไข
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีพรรคอีกขั้วติดต่อมาให้เข้าร่วมหรือไม่ กฤดิทัชกล่าวว่า มี เป็นธรรมดาที่ต้องยอมรับ ซึ่งก่อนที่จะมีการชักชวนก็ได้มีการอธิบายเหตุผล ซึ่งหากพูดกันตรงๆ พรรคก้าวไกลก็ต้องฟันฝ่าอุปสรรคหลายๆ อย่าง
“ถามว่าถ้าในกรณีที่มีอุบัติเหตุทางการเมืองต่างๆ ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ก็เป็นไปได้ที่พรรคฝ่ายขั้วรัฐบาลเดิมจะมีสิทธิในการที่จะไปเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกลหรือพรรคเพื่อไทยที่มีคะแนนเสียงอันดับ 1 และ 2 ก็อาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งคาดเดาไม่ได้หรือเป็นไปไม่ได้ แต่อีกฝ่ายก็คิดว่าเขามีสิทธิในการที่จะฟอร์มทีม เพื่อแสวงหาหรือเตรียมความพร้อมเพื่อรวมคะแนนในการจัดตั้งรัฐบาล” กฤดิทัชกล่าวในที่สุด