WHERE THINGS STARTED
Jonathan เกิดและโตในเมืองเล็กๆ ชื่อมาเกอราเฟลต์ทางตอนเหนือของประเทศไอร์แลนด์ โดยคุณแม่ของเขาเป็นคุณครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ ส่วนคุณพ่อของเขาเป็นกัปตันรักบี้ของทีมชาติไอริช ในช่วงแรกของชีวิต Jonathan มีความฝันอยากเป็นนักแสดง แม้ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนเส้นทางนักแสดงกลับไม่เป็นไปตามอย่างที่เขาคิด จนสุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเรียนต่อที่ London College of Fashion เพื่อศึกษาสาขาเสื้อผ้าผู้ชาย ในช่วงที่เขาเรียนนั้นเขาเริ่มค้นพบความชอบงานดีไซน์มากขึ้นเรื่อยๆ จากการไปทำงานเป็น Visual Merchandiser ให้กับแบรนด์ Prada กว่า 2 ปีเขามีโอกาสร่วมงานกับ Manuela Pavesi มือขวาของ Miuccia Prada ในเวลานั้น ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากเป็นดีไซเนอร์ในเวลาต่อมา
BIRTH OF JW ANDERSON
Jonathan เปิดตัวแบรนด์ของตัวเองในชื่อ JW Anderson ในปี 2008 โดยเริ่มต้นเขาโฟกัสไปที่เสื้อผ้าของผู้ชายเป็นหลัก อย่างไรก็ตามเสื้อผ้าของเขากลับได้อิทธิพลมาจากซิลูเอตเสื้อผ้าผู้หญิง และเริ่มครองใจแฟนๆ ชาวเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลี และสิงคโปร์มากกว่าฝั่งยุโรปและอเมริกา เขามีมุมมองในการเบลอเรื่องของเพศสภาพตั้งแต่เริ่มต้น และสนใจในการชูอัตลักษณ์ของผู้สวมใส่มากกว่าเรื่องเพศ เสื้อผ้าของเขาได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเพียงแค่ 3 ปี เขาเปิดไลน์ของเสื้อผ้าผู้หญิงเพราะเสื้อผ้าของเขาได้รับความนิยมสูงมากในหมู่ลูกค้าผู้หญิง สิ่งที่เขาปรับคือการลดไซส์ลงเพียงเท่านั้น เพราะเสื้อผ้าของเขาไร้เพศตั้งแต่เริ่มต้นอยู่แล้ว ปัจจุบันแบรนด์ JW Anderson กลายเป็นไฮไลต์สำคัญของ London Fashion Week ที่หลายคนตั้งตารอดูโชว์ของเขาทุกปี งานของเขาขึ้นชื่อในเรื่องครีเอทีฟสุดโต่งที่สวมใส่ได้จริง และจุดนั้นเองทำให้เขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
REDIFYING LOEWE
หลังจากสร้างชื่อจากแบรนด์ของตัวเองจนไปเตะตาเครือลักชัวรียักษ์ใหญ่ของวงการ LVMH ซึ่งนอกจากจะตัดสินใจลงทุนในตัวแบรนด์ JW Anderson เขายังดึงตัว Jonathan มาดำรงตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ Loewe แบรนด์เก่าแก่สัญชาติสเปนที่ LVMH ซื้อมาครอบครองไว้ตั้งแต่ปี 1996 จุดเด่นของ Loewe จริงๆ แล้วอยู่ที่เครื่องหนังโดยเฉพาะกระเป๋ารุ่น Amazona ไอเท็มไอคอนิกที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์มาอย่างยาวนาน การเข้ามาของ Jonathan กระชากภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่เคยถูกมองว่าแก่และเชย ด้วยงานดีไซน์ก๋ากั่นจนสามารถดึงฐานลูกค้าวัยรุ่นให้กลับมาสนใจได้อีกครั้ง เขาเข้าใจว่าเครื่องหนังคือจุดขายของแบรนด์นี้ และเสริมจุดแข็งด้วยงานดีไซน์ที่แตกต่างแฝงแง่มุมงานดีไซน์ที่ผสมผสานทั้งเชิงศิลปะและเชิงพาณิชย์ได้อย่างฉลาด เช่น Puzzle Bag กระเป๋าสุดไอคอนิกที่กลายเป็นไอเท็มขายดี และถูกนำกลับมาทำในรูปแบบใหม่อยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่แค่นั้น เขายังผลักดันให้แผนกเสื้อผ้าของแบรนด์ได้รับความนิยมมากขึ้นอีกด้วย เช่น ดอกหน้าวัว โมทีฟของคอลเล็กชัน Spring/Summer 2013 ที่กลายเป็นไวรัลไปทั่วอินเทอร์เน็ต
SMART COLLABORATION
ความเก่งกาจของ Jonathan ภายใต้ชื่อเสียงที่ได้รับอย่างล้นหลาม เขาคงเอกลักษณ์งานดีไซน์สุดครีเอทีฟไปพร้อมกับความสำเร็จเชิงคอมเมอร์เชียลได้อย่างลงตัว ผลงานทุกชิ้นของเขามักได้รับความสนใจและขายดีอยู่เสมอ ด้วยการใส่ตัวตนของตัวเองลงไปในงานดีไซน์ แต่ทอนให้ใส่ได้จริงเพื่อจับฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น โดยผลงานคอลแลบของเขาเริ่มตั้งแต่ Topshop คอลเล็กชันที่ขายหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่ชั่วโมง และแคปซูลคอลเล็กชัน Versus ที่กระชากภาพลักษณ์เซ็กซี่ของแบรนด์อิตาลีออกไปเลย Jonathan ยังเริ่มทดลองร่วมงานกับแบรนด์แมส เช่น Converse กระแสรองเท้าที่สนีกเกอร์เฮดตามล่ากันทั่วโลก หรือจะเป็น Uniqlo x JW Anderson คอลเล็กชันพิเศษที่ต่อยอดมาหลายปี และยังได้รับความนิยมอยู่เรื่อยๆ ทั้งสองเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ ในการทอนความครีเอทีฟสุดโต่งให้อยู่ในฟอร์มที่จับต้องได้มากขึ้น
DESIGN PHILOSOPHY
จุดเด่นของงานดีไซน์ของ Jonathan คือการผสมผสานงานดีไซน์ของเขาเข้ากับบริบททางสังคม เขามักเสียดสีสังคมผ่านงานดีไซน์สุดโต่งของเขาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเพศสภาพ เทคโนโลยี ศิลปะ หรือแม้แต่ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน อีกหนึ่งมุมมองที่เขาทำได้ดีคือ การผสมผสานงานดีไซน์ที่เน้นครีเอทีฟจัดๆ ให้ออกมาในรูปแบบเชิงพาณิชย์ที่สามารถจับต้องได้และน่าลงทุนซื้อหาไว้ การบาลานซ์ระหว่างสองโลกสุดต่างไม่ใช่ใครก็สามารถทำออกมาได้ แต่ Jonathan เชื่อมโยงทั้งสองโลกเข้าด้วยกันในงานดีไซน์ได้อย่างฉลาดและมีชั้นเชิง เขายังเข้าใจว่าโลกขับเคลื่อนด้วยวัตถุนิยมและลดกำแพงของตัวเองลง ยอมรับงานดีไซน์ที่แมสขึ้นได้ แต่ยังหลงเหลือความเป็นตัวตนของตัวเองอยู่
AWARDS AND HONORS
ฝีมือของ Jonathan ไม่ได้พูดชมลอยๆ เท่านั้น งานดีไซน์ของเขาได้รับรางวัลการันตีจากเวที British Fashion Awards งานมอบรางวัลให้แก่ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ โดยเขาสามารถกวาดรางวัลจากเวทีนี้ได้มาถึง 7 ครั้ง ในปี 2014 เป็นครั้งแรกที่เขาได้รางวัลใหญ่ในสาขา Menswear Design of the Year และในปี 2015 เขาสามารถกวาดรางวัลใหญ่สองสาขาทั้ง Menswear และ Womenswear Design of The Year พร้อมกัน ส่วนปี 2017 รางวัลใหญ่ตกเป็นของเขากับสาขา British Designer of The Year-Womenswear และยังควบรางวัล Accessories Designer of the Year จากแบรนด์ Loewe เพิ่มอีกหนึ่งสาขา
FUTURE PROJECT
อีกหนึ่งโปรเจกต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นของ Jonathan เมื่อเขาประกาศผ่าน Instagram ส่วนตัวว่า เขาจะเข้ามารับหน้าที่ในฐานะนักออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับภาพยนตร์ของผู้กำกับชื่อดัง Luca Guadagnino ที่เคยฝากผลงานชื่อดังมาแล้วอย่าง Call Me by Your Name สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่า Challengers รับบทนำโดยนักแสดงสาวมากฝีมือ Zendaya จากซีรีส์ชื่อดัง Euphoria เรื่องราวของนักเทนนิสมืออาชีพ ซึ่ง Jonathan จะมาดูแลเรื่องของเสื้อผ้าทั้งหมด สำหรับ Luca นอกจากภาพยนตร์แล้วนั้นเขายังเคยชิมลางกำกับหนังสั้นแฟชั่นให้กับแบรนด์ Valentino ในชื่อ The Staggering Girl มาแล้ว การที่เขาดึงตัว Jonathan เข้ามาดูแลเรื่องเสื้อผ้าครั้งนี้จึงเหมาะเจาะลงตัวเป็นอย่างมาก