THE STANDARD สัมภาษณ์ ก้อง-อรรฆรัตน์ นิติพน เจ้าของและผู้ดำเนินรายการ อายุน้อยร้อยล้าน และผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 21 ประเวศ (ยกเว้นแขวงหนองบอน) และเขตสะพานสูง (เฉพาะแขวงทับช้าง) พรรคเพื่อไทย ซึ่งมี แพทองธาร ชินวัตร, เศรษฐา ทวีสิน และ ชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค
การสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ในปีนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา โดยก่อนหน้านี้เขาอยู่ในภาคเอกชนและวงการโทรทัศน์มาก่อน
เขตที่ลงสมัครนี้มีความเฉพาะอย่างไร และบทบาท ส.ส. หากได้รับการเลือกตั้ง ตั้งใจจะผลักดันเรื่องอะไร
พื้นที่เขตประเวศมีพื้นที่ 52.49 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 183,000 คน โดยมีทั้งหมด 3 แขวง คือ แขวงประเวศ, แขวงดอกไม้ และแขวงทับช้างสะพานสูง ความสำคัญถ้าดูจากแผนที่ เขตประเวศและเขตสะพานสูงเป็นกรุงเทพตะวันออก ถ้าอยู่ตรงนี้มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือจะเป็นสนามบินสุวรรณภูมิและบางนา กม.1 ซึ่งโครงการ One Bangkok ที่จะเกิดขึ้นมีสวนสาธารณะมากมาย อีกทั้งสนามบินสุวรรณภูมิในอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวราว 100 ล้านคน พร้อมทั้งเขตของเรามีรถไฟฟ้าเส้นสุขุมวิทและศรีนครินทร์ ซึ่งเมืองที่มีโอกาสเติบโตขนาดนี้จะสามารถรองรับการเติบโตในอนาคตได้อย่างไร
ส่วนตัวผมนั้นทำรายการ อายุน้อยร้อยล้าน มา 10 กว่าปี สิ่งที่ผมเชื่อและชอบทำคือการสร้างงานสร้างอาชีพ พื้นที่เขตประเวศ-สะพานสูงเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่ มีโอกาสใหม่ๆ แบบนี้ เราจะสร้างงานสร้างอาชีพให้พี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่นี้อย่างไร ส่วนนี้คือหน้าที่ของผม ซึ่งผมทำงานพรรคเพื่อไทย นโยบายหนึ่งที่สำคัญคือนโยบาย ‘1 ครอบครัว 1 Soft Power’ (OFOS) เป็นการทำให้เขตพื้นที่ประเวศ-สะพานสูงเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
ทำไมต้องผลักดัน SMEs ผ่านพรรคเพื่อไทย
เนื่องจากพรรคเพื่อไทยเน้นขายนโยบายเป็นหลัก ก่อนที่ผมจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยก็มีโอกาสคุยกับหลายพรรค ซึ่งเงื่อนไขของผมคือต้องเป็นพรรคที่ทำมานาน มีผลงานทำได้จริง เคยทำเรื่องยากๆ มาแล้ว ข้อสำคัญคือพรรคเพื่อไทยเน้นเรื่องปากท้อง และตัวผมเองก็ชอบทำเรื่องทำมาหากิน มีความเชื่อว่าคนต้องมีหลากหลายอาชีพ สามารถดูแลครอบครัวและคนที่เรารักได้ และที่สำคัญที่สุดพรรคนั้นต้องเป็นประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นเมื่อผมไตร่ตรองแล้วก็เหลือแค่ไม่กี่พรรค และพรรคที่มีศักยภาพสูงสุดก็คือ ‘พรรคเพื่อไทย’
สามารถหยิบใช้ประสบการณ์ใน อายุน้อยร้อยล้าน มาใช้ในงานการเมืองอย่างไร
แม้ผมจะเข้าสู่ถนนการเมืองช้ากว่าคนอื่น แต่ประสบการณ์ในการเป็นพิธีกรและทำคอนเทนต์ในรายการ เหมือนผมทำพื้นที่พบปะประชาชน ทำรายการมา 10 กว่าปี ผ่านเคสหลายหมื่นเคส เพื่อรู้ว่าอะไรคือความต้องการของ SMEs และหากถามว่า SMEs สำหรับประเทศนี้สำคัญขนาดไหน
ทั้งหมด 3,400,000 ราย 85% สำหรับอัตราการจ้างแรงงาน 35% จาก GDP วิธีการคิดที่จะทำให้ประเทศเติบโตต้องผ่าน SMEs นี่คือความสำคัญที่ทำไมผมถึงให้ความสำคัญกับ SMEs ไทย
ช่วงเวลาที่ผ่านมา SMEs ที่เป็นฟันเฟืองของภาคธุรกิจ ได้ล้มหายตายจากเนื่องจากวิกฤตโควิด พรรคเพื่อไทยมีแนวทางอย่างไรเพื่อฟื้นฟู SMEs
ผมคิดว่าเราควรเริ่มตั้งแต่ 8 ปีที่ผ่านมาที่เราอยู่กับรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา SMEs หายไปจากระบบกว่า 95% ประเทศไทยตอนนี้ถ้าพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ SMEs นั้นได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจาก SMEs ไม่มีสายป่านและนโยบายจากภาครัฐมารองรับเช่นเดียวกับบริษัทใหญ่ สิ่งที่จะช่วยเหลือ SMEs คือ
- อัดฉีด SMEs ให้มีกำลังซื้อขึ้นมาผ่านโครงการ ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท’ สิ่งนี้จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมาในรอบที่ 1 จากประเทศที่ทรุดมานาน
- เป็นการ Upskill และ Reskill ของบุคลากรไทยและ SMEs ไทยให้เกิดขึ้น
- การอัดฉีดให้ SMEs เข้าถึงเงินทุนได้ SMEs จะเข้าถึงทุนในรูปแบบ Digital Economy ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000บาท เมื่อ SMEs ทุกรายมีข้อมูลบน Data-Driven ทำให้ธนาคารเห็นข้อมูลเพื่อสนับสนุนได้ และเกิด Crowdfunding ตั้งแต่ 50,000-50,000,000 เพื่อให้ SMEs ไทย ต่อเติม ขยาย และเยียวยา ให้ SMEs ไทยเติบโตได้
คุณก้องและพรรคเพื่อไทยมีนโยบายอะไรในการรองรับการส่งออกของภาคส่วน SMEs ในฐานะที่เราเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก อยู่ในเขตการค้าเสรีมากมาย รวมถึง AFTA (อาเซียน) กับประเทศเพื่อนบ้าน ทางเพื่อไทยจะส่งเสริมภาคการส่งออกให้ SMEs เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างไร ทั้งการแข่งขันในประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านและบนเวทีโลก
ที่ผ่านมาประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตและอาหารที่เกิดขึ้น ฟันฟืองที่สำคัญของประเทศไทยคือภาคการเกษตร โดยสามารถแปรรูปและส่งออก ช่วงเวลาที่ผ่านมาในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ไทยไม่ได้ใช้การตลาดนำ เพราะไม่ได้มีโครงการหรือนโยบายที่จะไปเปิดตลาดใหม่ๆ เช่น แอฟริกา อินเดีย และในอีกหลายๆ ที่ ทำให้สินค้าของเราไม่ได้แสดงศักยภาพ ดังนั้นศักดิ์ศรีของรัฐบาลไทยคือการมีผู้นำไปนำเสนอต่างประเทศ เปิดตลาดการค้าให้แก่พี่น้องประชาชน
การที่พรรคเพื่อไทยมี แพทองธาร ชินวัตร เป็นแคนดิเดตนายกฯ ทำให้ลงพื้นที่ง่ายขึ้นหรือไม่
ต้องยอมรับว่าตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้เหมือนกัน แต่เมื่อลงพื้นที่ก็แปลกประหลาดใจ เหนือสุด ใต้สุด หรืออีสาน ทำไมลงพื้นที่พี่น้องประชาชนทุกคนเมื่อเห็นคุณอุ๊งอิ๊งที่นามสกุลชินวัตร ทุกคนจำได้ ทุกคนคิดถึงวิธีการทำงานของคุณทักษิณและคิดถึงตัวคุณทักษิณ นั่นหมายความว่าคุณอุ๊งอิ๊งเชื่อมใจ ทำให้ทุกคนศรัทธา
และผมเชื่อว่า ‘นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่มันคงทำได้ยาก แต่ทำได้จริง และยังคงอยู่ เช่น นโยบาย 30 บาทสมัยพรรคไทยรักไทย ผมคิดว่าเป็นแต้มต่อสำหรับพรรคเพื่อไทย’
ฝากนโยบายพรรคเพื่อไทยถึง SMEs
จริงๆ แล้วพรรคเพื่อไทยคือประชาธิปไตยที่กินได้ เราให้ความสำคัญกับภาครัฐ เพราะเราเป็นรัฐที่ถือหุ้นให้กับ SMEs 20% หมายความว่าเราจะเป็นรัฐที่สนับสนุน ไม่ใช่รัฐที่ทำให้เกิดอุปสรรค เพราะฉะนั้น
- กฎระเบียบและกฎหมายที่ขัดขวางการทำธุรกิจ เช่น การขอใบอนุญาตต่างๆ ที่นาน ควรจะเป็น One Stop Service
- รัฐบาลดิจิทัล ให้ SMEs เข้าถึงแหล่งทุนผ่าน Data-Driven และ Crowdfunding
- สร้างแรงจูงใจทางภาษีให้เกิดการลงทุนใน Tech-Startup
- การพัฒนา Upskill และ Reskill ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ ด้วยนโยบาย Learn to Earn และ OFOS
ประชาธิปไตยที่กินได้แบบเพื่อไทย
คือการที่พี่น้องประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการดำรงชีวิต โดยสามารถเลี้ยงดูตนเองและคนที่เรารักได้สะดวกสบาย
เหลืออีกเพียงไม่กี่วัน ผมเชื่อว่าวันที่ 14 พฤษภาคม เป็นการเลือกตั้งที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ที่จะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลง เพื่อให้บรรยากาศต่างๆ ในประเทศไทยกลับคืนมา เพราะฉะนั้นเลือก ‘พรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที’