ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียประกาศในวันแห่งชัยชนะ (Victory Day) เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า อนาคตของรัสเซียขึ้นอยู่กับบรรดาทหารที่กำลังสู้รบอยู่ในสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังร่วมรับชมพาเหรดประจำปีที่เฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ของกองทัพรัสเซียหรือสหภาพโซเวียตเดิมที่คว้าชัยเหนือกองทัพนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สำเร็จ
ปูตินระบุว่า “ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความมุ่งมั่นพยายามในการสู้รบของคุณ ความมั่นคงของประเทศขึ้นอยู่กับคุณในวันนี้ อนาคตของประเทศของเรา ประชาชนของเราขึ้นอยู่กับคุณ”
ในโอกาสนี้ปูตินยังพยายามชี้ว่าการเปิดฉากสงครามกับยูเครนเมื่อต้นปี 2022 เป็นไปเพื่อปลดปล่อยคนเชื้อสายรัสเซียที่ถูกรัฐบาลยูเครนกดขี่และข่มเหง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการรุกรานยูเครนในครั้งนั้น พร้อมทั้งระบุว่า หลายประเทศในโลกตะวันตกพยายามจะยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งต่างๆ มากขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ
ในปีนี้มีการปรับลดขบวนพาเหรดของกองทัพรัสเซียลง เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารัสเซียชี้ว่าได้กำจัดโดรนปริศนาที่บินเหนือน่านฟ้าของเครมลิน พร้อมทั้งอ้างว่าโดรน 2 ลำดังกล่าวต้องการที่จะลอบสังหารผู้นำของตน โดยคาดว่าสหรัฐอเมริกาและยูเครนเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ขณะที่ผู้แทนระดับสูงของทั้งสองประเทศยังคงให้การปฏิเสธ
งานพาเหรดวันแห่งชัยชนะของรัสเซียในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่มีผู้นำต่างประเทศบางส่วนเข้าร่วมนับตั้งแต่ปี 2020 โดยเฉพาะผู้นำประเทศแถบเอเชียกลาง รวมถึง กัสซิม โฌมาร์ต โตกาเยฟ ประธานาธิบดีคาซัคสถาน และพันธมิตรคนสนิทอย่าง อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุส ก็เดินทางมาร่วมงานที่จัตุรัสแดงเมื่อวานนี้เช่นเดียวกัน
ด้านสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (ISW) ในสหรัฐฯ ชี้ว่า การตัดสินใจล่าช้าของผู้นำประเทศแถบเอเชียกลางบางประเทศที่จะตอบรับเข้าร่วมงานพาเหรดนี้ อาจสะท้อนให้เห็นถึงความลังเลใจที่จะแสดงการสนับสนุนสงครามโดยตรงและต่อหน้าสาธารณชนจำนวนมาก
โดยคำกล่าวปราศรัยของปูตินในปีนี้มีเนื้อหาคล้ายคลึงกับปีที่ผ่านมา โดยยังคงเปรียบเทียบการต่อสู้กับระบอบที่บิดเบี้ยวของยูเครนเหมือนกับการเอาชนะกองทัพนาซีเยอรมนี รวมถึงระบุว่า เป้าหมายของพวกชาวตะวันตกไม่ใช่สิ่งอื่นใด นอกจากต้องการเห็นประเทศของเราล่มสลายลง
ขณะเดียวกันปูตินเองก็ได้เน้นย้ำว่ารัสเซียต้องการเห็นสันติภาพในอนาคต ขณะที่บรรดาชาติผู้นำโลกตะวันตกต่างหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังและเกลียดกลัวรัสเซีย รวมถึงพยายามที่จะทำลายค่านิยมต่างๆ ของครอบครัวเรา
ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครนชี้ว่า การที่กองทัพรัสเซียโจมตียูเครนอย่างหนักและต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะนำเสนอ ‘บางอย่าง’ ให้ประชาคมโลกเห็น เพื่อปกปิดความล้มเหลวที่ไม่สามารถคว้าชัยเหนือสมรภูมิบักห์มุตได้ ก่อนที่งานวันแห่งชัยชนะในปีนี้จะเปิดฉากขึ้น
ภาพ: Kremlin handout via EYEPRESS
อ้างอิง:
