ย้อนกลับไปในปี 2021 Lucasfilm เปิดตัวซีรีส์แอนิเมชันเรื่องใหม่ในชื่อ Star Wars: Visions ซึ่งเป็นการจับมือกับ 7 สตูดิโอแอนิเมชันชั้นนำของญี่ปุ่น มาร่วมตีความและรังสรรค์เรื่องราวจากจักรวาล Star Wars ขึ้นมาใหม่ ในรูปแบบของแอนิเมชันขนาดสั้นจบในตอน ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ดีจากแฟนๆ อย่างล้นหลาม โดยซีรีส์ได้คะแนนรีวิวจากนักวิจารณ์บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes สูงถึง 97% และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Primetime Emmy Awards ในสาขาแอนิเมชันขนาดสั้นยอดเยี่ยม
และปีนี้ เรื่องราวเปี่ยมจินตนาการที่แฟนๆ Star Wars ต่างหลงรักก็กลับมาอีกครั้ง ใน Star Wars: Visions Volume 2 โดยครั้งนี้ Lucasfilm ได้ชักชวนสตูดิโอแอนิเมชันจากหลากหลายประเทศมาร่วมงาน เพื่อให้เรื่องราวในซีซันนี้มีเฉดสีที่แตกต่างหลากหลายมากขึ้น โดยแบ่งเป็นเรื่องสั้นจำนวน 9 ตอน จากฝีมือของ 9 สตูดิโอ ประกอบด้วย El Guiri จากสเปน, Cartoon Saloon จากไอร์แลนด์, Punkrobot จากชิลี, Aardman จากอังกฤษ, Studio Mir จากเกาหลีใต้, Studio La Cachette จากฝรั่งเศส, 88 Pictures จากอินเดีย, D’ART Shtajio จากญี่ปุ่น และ Triggerfish จากแอฟริกาใต้
Star Wars นับว่าเป็นอีกหนึ่งจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่ได้รับการต่อยอดเรื่องราวมาอย่างยาวนานหลายสิบปี ทั้งในรูปแบบของภาพยนตร์ ซีรีส์ วิดีโอเกม หรือแอนิเมชัน ซึ่งทุกผลงานต่างก็เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นเล็กๆ ที่ถูกประกอบและร้อยเรียงเข้าด้วยกันเพื่อให้ภาพใหญ่ของจักรวาล Star Wars สมบูรณ์มากขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ด้วยความยิ่งใหญ่ของมัน (ทั้งความยาวของเรื่องและจำนวนผลงาน) จึงทำให้ผู้ชมที่อาจจะไม่ได้ตาม Star Wars มาตั้งแต่แรกเริ่ม ต้องใช้เวลาในการติดตามเพื่อทำความเข้าใจภาพใหญ่ของ Star Wars พอสมควร
ดังนั้นแล้วซีรีส์ Star Wars: Visions ที่เปิดโอกาสให้สตูดิโอต่างๆ หยิบนำองค์ประกอบของ Star Wars มาตีความและสร้างสรรค์เรื่องราวขึ้นมาใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมโยงกับเนื้อหาหลักที่กำลังดำเนินอยู่ จึงกลายเป็นซีรีส์ที่น่าสนใจมากๆ ทั้งในแง่ของแฟนๆ ที่จะได้ชมเรื่องราวของ Star Wars ในแง่มุมใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ผู้ชมที่อาจจะไม่ได้ติดตาม Star Wars อย่างใกล้ชิดมาก่อนสามารถรับชมได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องทำการบ้านมาก่อน
และสำหรับ Star Wars: Visions Volume 2 ผู้เขียนคิดว่าสิ่งที่ถูกยกระดับให้ตัวซีรีส์มีความน่าสนใจมากขึ้นกว่าซีซันแรก คือเนื้อหาและกลวิธีนำเสนอที่แตกต่างหลากหลาย และเปี่ยมไปด้วยจินตนาการอันล้นเหลือของสตูดิโอผู้สร้างจากหลากหลายประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมของแต่ละประเทศเข้ากับองค์ประกอบของ Star Wars ออกมาได้อย่างโดดเด่น เช่น ในตอนที่ 7 The Bandits of Golak จากสตูดิโอ 88 Pictures ที่เราจะได้เห็น The Inquisitor ที่มาพร้อมกับเสื้อผ้าหน้าผมและเครื่องประดับตกแต่งตามวัฒนธรรมของอินเดีย หรือจะเป็นบรรยากาศบนรถไฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในพาหนะสำคัญที่คนอินเดียใช้ในการเดินทาง
รวมไปถึงงานแอนิเมชันและการออกแบบคาแรกเตอร์ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปก็เสริมให้ภาพรวมของซีรีส์น่าสนใจและชวนติดตามมากยิ่งขึ้น เช่น ในตอนที่ 4 I Am Your Mother ที่มาในรูปแบบของ Stop Motion และเหล่าตัวละครที่ออกแบบมาได้อย่างน่ารักน่ากอด หรือในตอนที่ 9 Aau’s Song ที่แม้จะไม่ได้มีฉากแอ็กชันที่โดดเด่นเหมือนตอนอื่นๆ แต่ด้วยเสน่ห์ของตัวละครและดนตรีประกอบอันไพเราะ ก็ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวที่ผู้สร้างต้องการนำเสนอได้ดี
อีกทั้งแต่ละสตูดิโอยังสามารถหยิบนำองค์ประกอบของ Star Wars มาตีความใหม่ และนำเสนอออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ไม่แพ้ซีซันแรก อย่างเช่น ในตอนที่ 1 Sith ที่พาเราไปสำรวจเรื่องราวของ Lola อดีตซิธที่พยายามหลบหนีจากอดีตของตัวเอง และตีบวกด้วยฉากดวลดาบไลท์เซเบอร์ที่ถูกออกแบบมาได้อย่างน่าจดจำ หรือในตอนที่ 3 In the Stars ที่หยิบนำปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมาผสมผสานเข้ากับเรื่องราวของสองพี่น้องที่ต้องเอาชีวิตรอดบนดาวบ้านเกิดที่ถูกฝ่ายจักรวรรดิยึดครอง
ในภาพรวมแล้ว Star Wars: Visions Volume 2 นับว่าเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากซีซันแรกได้อย่างยอดเยี่ยม ในแต่ละตอนต่างมีเอกลักษณ์และเรื่องราวของตัวเองที่โดดเด่นแตกต่างกันไป ซึ่งเสริมให้ภาพรวมของซีรีส์เปี่ยมไปด้วยสีสันและชวนให้เราติดตามได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการออกแบบคาแรกเตอร์ของทุกตัวละครที่ทำให้เราตกหลุมรักได้ไม่ยาก ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานจากจักรวาล Star Wars ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนตัวยงหรือไม่ ก็สนุกสนานไปกับซีรีส์เรื่องนี้ได้ไม่ยาก
สามารถรับชม Star Wars: Visions Volume 2 ทั้ง 9 ตอนได้แล้วทาง Disney+ Hotstar
รับชมตัวอย่างได้ที่:
ภาพ: Star Wars
อ้างอิง: