จากกรณีที่ เคท ครั้งพิบูลย์ ซึ่งเป็นผู้สมัครและผ่านการคัดเลือกเป็นอาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในเวลาต่อมา คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย ได้มีมติเมื่อ 2 มีนาคม 2558 ว่าไม่สมควรว่าจ้าง ต่อมาเคท ได้อุทธรณ์มติดังกล่าว และยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง
โดยศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษา เมื่อ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ว่าให้เพิกถอนมติของ กบม. ที่ไม่ว่าจ้างเคทในตำแหน่งอาจารย์ เนื่องจากแม้พฤติการณ์ของเคท ที่แสดงออกทางโซเชียลมีเดียจะไม่เหมาะสม แต่ไม่ถึงขนาดเป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีที่มหาวิทยาลัยจะไม่ว่าจ้าง โดยศาลได้พิพากษาด้วยว่า มติ กบม. ไม่ว่าจ้างไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นเพศสภาพ
ล่าสุดวันนี้ที่ประชุม กบม. ที่มี รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีเป็นประธาน ได้ทบทวนมติที่เคยไม่รับและน้อมรับคำพิพากษา โดยมีมติเห็นพ้องตรงกันว่า ให้รับ เคท ครั้งพิบูลย์ เป็นอาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ และมีมติไม่อุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด
ขณะที่ ผศ.ดร.ปริญญา รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต กล่าวว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับประเด็นเพศสภาพอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมากว่าสิบปี เราได้อนุญาตให้นักศึกษาข้ามเพศ สามารถเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรได้โดยตลอด รวมทั้งมิติอื่นๆ ด้วย “ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเพศสภาพแต่อย่างใด” ที่ผ่านมาเป็นเรื่องการทำงานของ กบม. ที่เสียงข้างมากได้ออกมาเช่นนั้น และแนวทางการรับอาจารย์ก็เป็นสิ่งที่ปฏิบัติโดยมีแนวทางและมาตรฐาน ซึ่งที่ผ่านมาก็จะยืนตามคณะเมื่อจะรับบุคคลเข้าเป็นอาจารย์ แต่ก็มีบ้างที่คณะกรรมการกลั่นกรองอาจเห็นเเย้ง
“ถือว่าเป็นโอกาสของเรา ภายหลังมีคำพิพากษาที่จะได้ทบทวนการกระทำในอดีต ซึ่งอาจารย์เคทเองก็เป็นบุคคลที่มีความรับผิดชอบ ช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด”
ด้าน ศ.ดร.โกวิทย์ พวงงาม คณบดีคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ อธิบายว่า คณะมีมติรับคุณเคทเป็นอาจารย์ และได้นำเรื่องดังกล่าวส่งไปยังคณะกรรมการกลั่นกรอง และก็มีเหตุฟ้องร้องอย่างที่ปรากฏเป็นข่าว โดยเป็นเรื่องที่เกิดก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่งต่อ ซึ่งส่วนตัวก็มีความรู้จักกัน และได้พูดคุยกันมาโดยตลอด ส่วนจะได้ไปทำหน้าที่ในตำแหน่งที่ไหนอย่างไร ก็จะต้องมาดูรายละเอียดอีกครั้ง และจะมีการบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยสายอาจารย์ต่อไป ยืนยันว่าเร็วกว่าที่ศาลปกครองกลางได้ให้กรอบเวลาหลังคดีที่สุดภายใน 60 วันแน่นอน
ขณะที่ เคท ครั้งพิบูลย์ กล่าวว่า ขอบคุณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้มีมติออกมาครั้งนี้ ที่ฟ้องร้องเพราะต้องการกลับมาเป็นอาจารย์ จากนี้เมื่อกลับมาเป็นอาจารย์ จะขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จิตวิญญาณธรรมศาสตร์จะอยู่ในตัวเรา และนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานวิชาการ ซึ่งเชื่อว่าตนเองจะสามารถช่วยให้การเรียนการสอนของคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์พัฒนาต่อไปได้ ขณะเดียวกันอยากให้คนที่สนใจประเด็นนี้ได้ไปศึกษาคำพิพากษาที่ออกมาซึ่งมีหลายประเด็นที่น่าสนใจ
เคท ยังบอกอีกว่า ในส่วนการทำงานการเมือง ที่มีการเปิดตัวกับพรรคอนาคตใหม่ ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีคำพิพากษา ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้เข้ามาทำงาน และไม่มีสถานะความเป็นอาจารย์ ยืนยันว่าการเป็นอาจารย์คือเส้นทางที่ตัวเองได้เลือกแล้ว