ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง โทรศัพท์สายตรงพูดคุยกันวานนี้ (20 เมษายน) ส่งสัญญาณความพยายามในการผ่อนคลายบรรยากาศความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ หลังจากที่ประธานาธิบดีมาครง เดินทางไปเยือนจีนเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และมีการกล่าวถึงประเด็นไต้หวันและความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ
ทำเนียบขาวและทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส ต่างออกแถลงการณ์ภายหลัง โดยเผยว่าทั้งสองผู้นำได้พูดคุยกันถึงเรื่องทริปการเยือนปักกิ่งของมาครง ซึ่งรวมถึงท่าทีของเขาที่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อภายหลังจบทริปเยือนจีน ซึ่งสั่นสะเทือนความสัมพันธ์ต่อสหรัฐฯ หลังประกาศว่า ประเทศต่างๆ ในยุโรปไม่ควรเป็นผู้ตามของสหรัฐฯ หรือจีนในประเด็นไต้หวัน และกล่าวว่ายุโรปควรหลีกเลี่ยง ‘วิกฤตที่ไม่ใช่ของเรา’ พร้อมเน้นย้ำแนวคิด ‘ความเป็นอิสระเชิงยุทธศาสตร์’ (Strategic Autonomy) ของ EU
สำหรับแถลงการณ์ของทำเนียบขาว นอกจากประเด็นทริปเยือนจีนของมาครง ยังมีการย้ำถึงจุดยืนที่มีร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ และฝรั่งเศส โดยไบเดนและมาครงยังได้หารือเกี่ยวกับความพยายามอย่างต่อเนื่องของสองประเทศ ในการพัฒนาความเจริญรุ่งเรือง ความมั่นคง ค่านิยมร่วมกัน และความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศภายใต้กฎระเบียบในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึงความสำคัญของการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน และมีการหารือในประเด็นการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ซึ่งทั้งสองผู้นำยืนยันการสนับสนุนอย่างแน่วแน่ต่อยูเครน
ด้านแถลงการณ์จากทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส เผยว่า ทั้งสองผู้นำได้พูดคุยกันถึงผลลัพธ์ที่ได้ระหว่างทริปเยือนจีนของมาครง ซึ่งอ้างอิงถึงการผลักดันให้จีนมีบทบาทสนับสนุนการจัดทำข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามในยูเครน และชี้ว่าจีนมีบทบาทสนับสนุนระยะกลาง ในการยุติความขัดแย้งตามหลักการและจุดมุ่งหมายของกฎบัตรสหประชาชาติ
โดยทั้งมาครงและไบเดนต่างเห็นพ้องกันถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมกับจีนต่อไปบนพื้นฐานในเรื่องนี้
ภาพ: Doug Mills-Pool / Getty Images
อ้างอิง: