×

เมาท์มอยค่ายเพลง เพศผู้ #Metoo และ Cyber Bullying กับ 4 นางฟ้าแห่งสมอลล์รูม

15.03.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

12 Mins read
  • “ไม่มีใครแกร่งไปทั้งหมดหรอก ขนาดมาดอนน่ายังทนไม่ได้เลย นางยังต้องบ่นออกมาเป็นเพลง หาทางระบายออกของนางไป เราเองก็ไฟต์เท่าที่ทำได้ เซฟตัวเองได้ แต่ไม่ต้องเซฟถึงขนาดต้องเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนการแต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าในตู้ของตัวเองหรอก” – จีน กษิดิศ  
  • “เราไม่ชอบตัวเองใส่แว่นมาตั้งนานแล้ว แต่ที่ใส่เพราะมีปัญหาทางสายตา เราเป็นคนสายตาสั้น แต่พอโตขึ้น มีชอยส์มากขึ้น เราก็เลือกที่จะใส่คอนแทคเลนส์ แต่ทำไมล่ะ ตกลงชอบเราหรือชอบแว่นเรา” – อิมเมจ สุธิตา

เชื่อว่าแฟนเพลงสมอลล์รูมคงเตรียมนับถอยหลังรอคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 6 ปี ‘LEO Presents Smallroom Holiday Party มันส์หายห่วง’ ที่ค่ายตั้งใจจะขนศิลปินแบบฟูลทีมมาร่วมปาร์ตี้แฮงเอาต์ริมชายหาดบ้านอำเภอ จังหวัดชลบุรี ในวันเสาร์ 17 มีนาคมนี้

 

แต่ก่อนจะถึงคอนเสิร์ตสำคัญ สิ่งน่าสนใจที่ THE STANDARD ค้นพบคือในบรรดาลิสต์ศิลปินภายในค่ายที่แทบทั้งหมดคือเพศชาย! กลับซุกซ่อนดอกไม้อยู่ 4 ช่อ 4 สไตล์ 4 เจเนอเรชัน

 

ไล่เรียงจาก จีน-กษิดิศ สําเนียง ที่ถูกยกให้เป็นคุณแม่และเจ๊ใหญ่ของแก๊งนางฟ้า แนะนำตัวสู่รุ่นถัดมาคือสาวเท่ นักร้องนำ และมือคีย์บอร์ดจากวง Two Pills After Meal อย่าง เติ้ล-คัมภิรดา แก้วมีแสง ขานชื่อต่อมาคือสาวเสียงโซลที่แสบซ่า เปอติ๊ด-ญาดา โกเมศ และน้องเล็กคนสุดท้องที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ได้ไม่กี่เดือนอย่าง อิมเมจ-สุธิตา ชนะชัยสุวรรณ ซึ่งพวกเธอทำให้เรารู้สึกว่านี่เป็น ‘ฤดูกาลใหม่’ ที่น่าสนใจของสมอลล์รูม! จนอดไม่ได้ที่จะชวนนางฟ้าทั้งสี่มานั่งล้อมวงพูดคุย เมาท์มอยทั้งเรื่องปลื้มๆ เกี่ยวกับดนตรีและค่ายเพลงของตัวเอง ก่อนจะเรื่อยไล่ไปถึงเรื่องคับอก คับใจตามประสาหญิงๆ ถือเสียว่าเป็นการอุ่นเครื่องก่อนจะเริ่มต้นคอนเสิร์ตใหญ่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า   

 

 

เล่าที่ไปที่มาของ ‘แก๊งนางฟ้า’ แห่งสมอลล์รูมให้ฟังหน่อยว่าโคจรมารวมตัวกันได้อย่างไร

เติ้ล: ที่มาเกิดจากวันแถลงข่าวคอนเสิร์ต LEO Presents Smallroom Holiday Party มันส์หายห่วง ที่พอจบงานศิลปินในค่ายก็รวมตัวกันถ่ายรูปรวมกัน พอถ่ายรูปรวมเสร็จก็มีเสียงคนบอกว่า “รวมผู้หญิงหน่อย” เราก็เดินมารวมกัน แล้วเรียกเจ๊มาด้วย เพราะเป็นเหมือนคุณแม่ของเรา (เจ๊ หมายถึง จีน-กษิดิศ สําเนียง)  


เปอติ๊ด: อีกอย่างคือเวลาอยู่ในค่าย เปอจะชอบแทนตัวเองว่านางฟ้าแห่งสมอลล์รูม (หัวเราะ)  

 

ตอนนั้นอิมเมจเข้ามาสมอลล์รูมแล้วหรือยัง

เปอติ๊ด: ถึงมาแล้วเปอก็ไม่สนค่ะ ยังไงก็จะเรียกว่าตัวเองว่าเป็นนางฟ้าแห่งสมอลล์รูมอยู่ดี!


อิมเมจ: ปกติอยู่ข้างนอกจะไม่ค่อยมีใครมองเห็นว่าเป็นผู้หญิงสักเท่าไร ตั้งแต่เข้าค่ายนี้แล้วดูเป็นผู้หญิงขึ้นมาเลย


เปอติ๊ด: อิมนี่จะดูเป็นผู้หญิงที่สุดในค่าย ส่วนเปอจะเป็นสายเรื้อนๆ หน่อย ดื่มหนัก ปาร์ตี้ฮาร์ด ในค่ายเขาก็เลยไม่ค่อยคิดว่าเราเป็นผู้หญิง แต่ช่วงแรกที่เข้ามาสมอลล์รูมใหม่ๆ ผู้ชายในค่ายยังไม่รู้ ก็ยังเรียกน้องเปอๆ มีกรี๊ดกร๊าด พอปาร์ตี้ด้วยกันแค่วันเดียว ตื่นเช้าขึ้นมาเปลี่ยนจาก ‘น้องเปอ’ เป็น ‘ไอ้เปอ’


อิมเมจ: ตอนนี้เรายังเป็นน้องอิมอยู่  


เติ้ล: ใช่ๆ ตอนนี้ยังเป็นน้องอิมของพี่ๆ ในค่ายอยู่ ยังมีการแย่งชิงวายป่วง


อิมเมจ: ส่วนใหญ่เวลานัดเข้าไปคุย เราจะติดการบ้านเข้าไปทำด้วย เพราะงานในมหาวิทยาลัยหนักมากจริงๆ (อิมเมจกำลังเรียนในระดับปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) คนอื่นเลยจะเห็นเรานั่งอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์ โอเค พี่ประชุมกันใช่ไหมคะ ดื่มกันไปเลยค่ะ หนูต้องทำการบ้าน (หัวเราะ)

 

อิมเมจถือเป็นน้องคนสุดท้องของสมอลล์รูม อยากรู้ว่าทำไมถึงตัดสินใจมาร่วมค่ายนี้  

เติ้ล: เออ อยากรู้มากเลย


อิมเมจ: เราชอบพี่เล็ก Greasy Cafe (อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร) กับวง Tattoo Colour มากๆ อีกอย่างเรารู้สึกว่าเพลงของสมอลล์รูมจะมีอารมณ์เพลงเป็นของตัวเอง เป็นค่ายที่ทำเพลงละเอียดอ่อนมากๆ เหมือนเขาใส่รายละเอียดลงไปเยอะ แล้วคนฟังรู้สึกได้ เราเองก็อยากมีผลงานแบบนั้นด้วยเหมือนกัน


จีน: คิดว่าซิงเกิลแรกของหนูจะเป็นเพลงแบบไหนค่ะ อันนี้สงสัย อยากรู้


อิมเมจ: แนวเพลงยังไม่ชัวร์เลยค่ะ แต่ที่แน่ๆ คงต้องละเอียดอ่อนต่ออารมณ์ เพราะเราเป็นคนชอบอะไรที่อ่อนไหว

 

ว่าแต่จะสู้รบตบมือกับพวกพี่ๆ เขาไหวเหรอ นักดนตรีร่วมค่ายมีแต่ผู้ชาย แล้วแต่ละคนแสบๆ ทั้งนั้น

อิมเมจ: เราเป็นคนที่ถ้ายังไม่รู้จักจะเงียบมาก แต่เพราะรู้จักกับเปออยู่ก่อนแล้ว มีอะไรเลยจะคุยกับเปอก่อน


เปอติ๊ด: เราเป็นสายมีอะไรก็บอก อยากได้อะไรเดี๋ยวคุยให้


จีน: สองคนนี้อายุเท่ากันเหรอ


เปอติ๊ด: ไม่ค่ะ แต่เราไม่ถือ ไม่ถือยศ ไม่ถือศักดิ์


อิมเมจ: เขาไม่อยากแก่


เปอติ๊ด: (หัวเราะ) มันเป็นทริกเล็กๆ ว่าถ้าไม่อยากแก่ก็อย่าให้คนมาเรียกพี่


อิมเมจ: เราเองก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน รุ่นน้องจะเรียกชื่ออย่างเดียวหมดเลย

 

ทุกเวลาที่ตัดสินใจโพสต์อะไรลงไป เรารู้สึกว่าการคุกคามคนอื่นผ่านการพิมพ์มันง่ายขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะที่เป็นผู้หญิง เราอยากพูดเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศ ผู้หญิงถูกมองว่าเป็น sex object และผู้ชายสามารถใช้คำพูดหรือการพิมพ์ข้อความคุกคามผู้หญิงได้อย่างไร้ยางอาย

 

อิมเมจ-สุธิตา ชนะชัยสุวรรณ

 

ถ้าอย่างนั้นต่อไปก็เรียกจีนเฉยๆ เลยสิ

ทุกคน: (หัวเราะ)


จีน: เออ ก็ดีนะ มีความเท่าเทียมกัน ไม่เอาแล้วนะ เรียกเจ๊ เรียกคุณแม่  


เปอติ๊ด: ขอเว้นไว้คนหนึ่ง คุณแม่ของเรา


จีน: จริงๆ ก็วัยเดียวกันเหอะหนู


เติ้ล: อายุเป็นเพียงตัวเลขค่ะ


จีน: อายุคืออะไรเหรอ

 

ยังจำความรู้สึกแรกตอนเดินเข้ามาในสมอลล์รูมได้ไหม

อิมเมจ: ความรู้สึกแรกตอนเข้ามา เรารู้สึกว่าว่านี่แหละคือค่ายเพลง เดินเข้ามาแล้วก็มีคนนั่งเล่นกีตาร์ บางคนก๊งกันอยู่ตั้งแต่หัววันเลย ตื่นมาก็เริ่มกันเลย (หัวเราะ)


เปอติ๊ด: เที่ยง


จีน: บางคนตื่นแล้วบ้าง ยังไม่ตื่นบ้าง


อิมเมจ: พี่รุ่ง (รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารค่ายเพลงสมอลล์รูม) ก็แต่งตัวเหมือนอยู่บ้าน เออ รู้สึกอีกอย่างว่านี่คือบ้าน มันเหมือนครอบครัว แล้วพอได้เห็นการทำงาน เห็นการคุยเล่นไปด้วยพร้อมทำงาน ขณะเดียวกันก็ได้งาน รู้สึกว่ามันมีประสิทธิภาพเหมือนกันนะที่จะเวิร์กแบบแฟมิลี่แล้วได้งานด้วย

 

ความจริงจะเรียกว่าพวกคุณเป็น ‘เกิร์ลเจเนอเรชัน’ แห่งสมอลล์รูมก็ไม่ผิดนะ เพราะทั้ง 4 คนเหมือนจะมาจากหลากหลายรุ่น หลายช่วงเวลา ถ้าอย่างนั้นเพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียว อยากรู้ว่าตอนนี้พวกคุณมองค่ายเพลงสมอลล์รูมในความรู้สึกแบบไหนกันบ้าง

จีน: เราอยู่มาจะสิบปีแล้วมั้ง ตั้งแต่ค่ายยังอยู่ที่เอกมัย ฉะนั้นเราเห็นถึงความตั้งใจจริงๆ ว่าคนที่นี่จะประณีตกับงานเพลงกันมาก ทำเพลงอะไรออกมา เขาจะแก้ไขกัน 6-7 รอบ แต่ละงาน แต่ละอัลบั้มก็เลยจะมีความล่าช้านิดหนึ่ง! ไม่รู้ว่าเจ้านายเป็นคนใช้ชีวิตตามเวลานิวยอร์กหรือลอนดอน (หัวเราะ) แต่เรื่องบรรยากาศ เรายังอยู่กันอย่างอบอุ่นเหมือนเดิม

 

ศิลปินค่ายนี้แปลกมาก เพราะทุกครั้งที่สัมภาษณ์ ศิลปินในค่ายมักจะเอ่ยชื่อผู้บริหารขึ้นมาเป็นประเด็นพูดคุยแทบทุกวง! ถ้าอย่างนั้นถามเลยแล้วกันว่าเพราะอะไร

เติ้ล: เติ้ลมองว่าพี่รุ่งเป็นเหมือนผู้อำนวยการของโรงเรียน มันเลยตอบคำถามเมื่อกี้ไปพร้อมกันได้เลยว่า สมอลล์รูมสำหรับเติ้ลเป็นเหมือนมหาวิทยาลัย ความจริงพูดให้ถูกคือเป็นโรงเรียนมัธยมด้วย ซึ่งในโรงเรียนนี้พี่รุ่งก็เป็นทุกอย่าง เป็นครูใหญ่ เป็นครูฝ่ายปกครอง เป็นครูศิลปะ เป็นคนที่ใส่ใจนักเรียนทุกดีเทล อยากรู้มากเลยว่าเมมโมรีในสมองของเขานี่มีความจุเท่าไร มีกี่แรม มีไม่จำกัดหรืออะไร


จีน: เขาเป็นคนอยากให้งานของทุกคนออกมาดี ก็เลยจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในทุกสิ่งอย่าง เมื่อก่อนเขาจะแค่แต่งเพลงไงคะ แต่เดี๋ยวนี้คืออะไรที่ถ้าว่างและทำได้ เขาทำหมด มิวสิกวิดีโอเดี๋ยวนี้เขายังลงไปทำเองเลย


เติ้ล: เขาลงไปดูทุกดีเทลเลยนะคะ แต่ในขณะเดียวกันเหมือนเขาต้องการทำให้เราดูเป็นตัวอย่าง ยูทำอย่างนี้นะ ยูต้องคิดแบบนี้นะ เพื่อให้เราได้รู้ว่าในกระบวนการทำงานเพลงหนึ่งอัลบั้มมันจะต้องใส่ใจอะไรบ้าง สิ่งเหล่านี้เขาทำให้เราเห็น สอนให้เรารู้ว่านักดนตรีควรจะคิดแบบนี้


วิธีการทำงาน การดีลกับใคร เราต้องใส่ใจรายละเอียดตรงไหนบ้าง เราต้องกล้านำเสนอในมุมที่ตัวเองชอบว่าความต้องการในงานของเราเป็นยังไง ในขณะที่เมื่อก่อนเติ้ลเป็นคนอะไรก็ได้ ซึ่งเติ้ลว่ามันเป็นปัญหา คือในใจเรารู้อยู่แล้วว่างานแบบนี้ยังไม่ใช่ แล้วทำไมถึงไม่บอกเขาไปว่าเราต้องการอะไรตั้งแต่แรก เพราะยิ่งเราเกรงใจ งานก็จะล่าช้าหรือไม่ตรงตามที่เราต้องการ


จีน: คนจะชอบคิดว่าเขาดุ แต่ความจริงเขาไม่ดุ แค่เป็นคนพูดอะไรโผงผาง ซึ่งเรามองว่าคนแบบนี้จริงใจดีออก

 

 

เวลาผู้หญิงอยู่ด้วยกัน เรื่องที่เราคุยกันมันสัพเพเหระมาก แล้วพอได้พูดมันหยุดไม่ได้ด้วย มันไปได้เรื่อยๆ

 

เปอติ๊ด-ญาดา โกเมศ

 

ตกลงว่ามีผู้บริหารค่ายเพลงอย่างนี้ดีหรือไม่ดี  

ทุกคน: ดี


เปอติ๊ด: อย่างตอนที่เปอตัดสินใจเข้ามาก็เป็นเพราะพี่รุ่งเลย จำได้ว่าตอนที่เปอเซ็นสัญญา ทุกอย่างมันรวดเร็วมาก ก่อนหน้านั้นเปอกำลังคุยกับค่ายเพลงอื่นอยู่ แต่วันหนึ่งมีโอกาสได้ทำงานเพลงกับพี่นะ Polycat (รัตน จันทร์ประสิทธิ์) ก็คุยกันว่าไหนๆ ทำเพลงด้วยกันแล้ว ทำไมไม่ลองเข้ามาอยู่สมอลล์รูม แล้วพอคุยกับพี่รุ่งได้แป๊บเดียว เปอก็ถามพี่รุ่งเหมือนที่ถามกับทุกที่ที่ไปคุยมาว่าพี่จะทำเปอเป็นแบบไหน เพราะเปอกลัวมาก แต่ละที่ที่ไปคุยด้วย ทุกคนจะชอบพูดประมาณว่าเดี๋ยวจะทำเปอให้เป็นแบบนั้นแบบนี้เลยนะ คิดแทนให้เราไปก่อน


แต่พอเข้าไปคุยกับพี่รุ่ง เขาบอกเราว่าอย่าถามแบบนั้นสิ เราอยากเป็นอะไรก็เป็นเลย เชี่ย พี่ให้เซ็นตรงไหน เซ็นเลย (หัวเราะ) คำพูดของเขามันทำให้เราอยากอยู่ที่นี่ เราอยากได้คนที่มีความคิดแบบนี้ อยากอยู่ในค่ายเพลงที่เปิดโอกาสให้ศิลปินได้เป็นตัวเอง ไม่ใช่ว่าต้องตีกรอบให้


สมอลล์รูมสำหรับเปอมันเลยไม่ใช่แค่ค่ายเพลง แต่มันเป็นบ้าน บ้านที่รวมนักดนตรีขี้เมาไว้ด้วยกัน แต่เป็นขี้เมาที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


จีน: บางทีก็เป็นสถานบำบัดคนบ้า ซึ่งพี่จีนกับพี่เติ้ลจะปกติสุดแล้ว (หัวเราะ)

 

กลับมาที่เรื่องผู้หญิงๆ ปกติเวลาสาวๆ เวลาอยู่ด้วยกันนี่เขาคุยกันเรื่องอะไรกันเหรอ

อิมเมจ: เรื่องผู้ชาย


ทุกคน: (หัวเราะ)


จีน: ที่เข้ามาสมอลล์รูมเพราะอย่างนี้ใช่ไหมหนู


เปอติ๊ด: อิม มึงต้องเอาผู้ชายไว้เรื่องท้ายๆ สิ แล้วพูดเรื่องอื่นไปก่อน แอ๊บใสๆ


จีน: บอกเขาไปสิว่าคุยกันเรื่องเพลง เรื่องซาวด์ดนตรี คุยกันว่าชอบฟังเพลงแบบไหน พวกเรามักจะรู้ตัวตนของกันและกันจากเพลงที่ฟัง


เปอติ๊ด: แต่เรื่องผู้ชายก็สำคัญ


จีน: บ้างก็เลือกผู้ชายมาเล่นเอ็มวีเอง อะไรแบบนี้  


เปอติ๊ด: (หัวเราะ) ในเมื่อพี่รุ่งเปิดโอกาสให้เราเป็นตัวเอง ถ้าอย่างนั้นเราก็ทำเอ็มวีเอง แคสติ้งนักแสดงเอง เรามีสเปกที่เราชอบอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เลือกคนนี้มาเล่น แล้วก็เป็นนางเอกเองเลย (หัวเราะ) เรียกว่าเติมฝันให้ตัวเองมากๆ ค่ะ

 

ช่วงนี้กระแสพลังหญิงมาแรงมาก มีทั้งกระแส #Metoo พูดถึง Cyber Bullying ด้วยความที่เราเป็นนักร้อง-นักดนตรีหญิง เคยเจอสถานการณ์อะไรอย่างนี้ไหม

จีน: มีมาตลอดแหละ


อิมเมจ: เจอทุกวันเลยค่ะ ทุกวันทุกเวลาที่เราตัดสินใจโพสต์อะไรลงไป เรารู้สึกว่าการคุกคามคนอื่นผ่านการพิมพ์มันง่ายขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะที่เป็นผู้หญิง เราอยากพูดเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศ ผู้หญิงถูกมองว่าเป็น sex object และผู้ชายสามารถใช้คำพูดหรือการพิมพ์ข้อความคุกคามผู้หญิงได้อย่างไร้ยางอาย หรือแม้แต่ผู้หญิง บางคนก็คุกคามผู้ชาย ซึ่งมันดูไม่ดีมากๆ แต่ความจริงผู้หญิงไม่ค่อยทำเท่าไรหรอกเนอะ


เปอติ๊ด: ป้องกันผู้ชายทำ เราทำก่อนแม่งเลย (หัวเราะ)


อิมเมจ: เรารู้สึกว่ามันเป็นการกระทำที่ไม่ค่อยน่ารัก เราหมดกำลังใจในการเล่นโซเชียลหรืออัปเดตเรื่องราวอะไรก็ตาม


จีน: แล้วที่ผ่านมาหนูโดน bully แบบไหนบ้างคะ


อิมเมจ: เราเคยแต่งตัวแบบโคตรมิดชิดเลย แต่ก็มีคอมเมนต์แบบล่อแหลม บางทีการที่เราเข้ามาอยู่ในจุดนี้ เราไม่ได้แค่ร้องเพลงไง เราต้อง keep existence ของเราด้วยเพื่อให้คนเข้ามาทำความรู้จัก เข้ามาติดตามผลงานของเรามากขึ้น โอเค มันส่งผลดีต่ออาชีพ แต่บางครั้งมันก็ค่อนข้างบั่นทอนความรู้สึกของเราด้วย อย่างเวลาเข้าไปอ่านก็จะมีแต่ผู้ชายมาคอมเมนต์ คือเรารู้สึกดีที่มีคนชอบ แต่การแสดงออกบางอย่างมันไม่น่ารัก


ยกตัวอย่าง ล่าสุดเราไปเล่นหนังสั้นให้ พี่เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ เรื่อง My Marathon เป็นเรื่องเกี่ยวกับการวิ่งมาราธอน ก็มีคนคอมเมนต์ประมาณว่า มีฉากน้องอิมเมจวิ่งแบบสโลว์โมชันไหมครับ มีหลายคอมเมนต์ หลายแชร์มากที่พิมพ์ว่า รออิมเมจวิ่ง รออิมเมจวิ่ง แบบนั้นหมดเลย ทั้งที่เราตั้งใจจะเข้าไปอ่านว่าทุกคนตื่นเต้นกับผลงานยังไง หนังสั้นสนุกไหม หรือรู้สึกยังไงกับสิ่งที่เราแสดงออกไป ซึ่งทำไมล่ะ เราวิ่งแล้วมันทำไม มารอดูเราวิ่งไปเพื่ออะไร มันก็เสียกำลังใจนิดหนึ่ง เพราะเขาจ้างเราไปแสดง ไม่ได้จ้างเราไปวิ่ง


ที่ผ่านมาลองมาหมดแล้วค่ะ ไม่ว่าเราจะทำตัวยังไงก็ตาม แต่งตัวมิดชิดหรือไม่มิดชิด ซึ่งปกติจะมิดชิดตลอด เพราะว่าเราต้องเซฟตัวเองจากสิ่งพวกนี้ แต่ในความมิดชิดก็ยังโดน มันเหนื่อยมากกับการซื้อเสื้อผ้า บางทีเราอยากใส่อะไรที่อยากใส่ แต่ก็ใส่ไม่ได้ เพราะมันจะทำให้เกิดคอมเมนต์ล่อแหลม


บางคนเข้ามาคอมเมนต์ ‘ทวงแว่น’ ซึ่งเป็นสิทธิของเราที่จะใส่หรือไม่ใส่


เราไม่ชอบตัวเองใส่แว่นมาตั้งนานแล้ว แต่ที่ใส่เพราะว่ามีปัญหาทางสายตา เราเป็นคนสายตาสั้น แต่พอโตขึ้น มีชอยส์มากขึ้น เราก็เลือกที่จะใส่คอนแทคเลนส์ แต่ทำไมล่ะ ตกลงชอบเราหรือชอบแว่นเรา มีบางช่วงในชีวิตที่คิดว่าขายแว่นดีไหม (หัวเราะ)


จีน: สิ่งที่เล่าออกมามันคือความในใจล้วนๆ เป็นปัญหาชีวิตเลยนะ

 

ความสุขมันเริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆ ว่าเราพอใจกับอะไรแค่ไหน อย่างการเป็นนักร้อง ถึงเราจะเล่นในสถานที่เล็กๆ แต่เราได้มองสายตาของคนที่เข้ามาดู แค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว มันต่างกับการออกไปเล่นบนเวทีใหญ่ๆ ที่บางครั้งอาจจะรู้สึก ‘เหงาว่ะ’ เมื่อไรก็ได้

 

จีน-กษิดิศ สําเนียง

 

อิมเมจ: หรือจริงๆ แล้วเราไม่ชอบใส่แว่นเพราะมันมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น สมัยเรียนมัธยม ใส่แว่นแล้วเรียนวิชาพละ เล่นบาสเกตบอล ต้องวิ่งไปวิ่งมาในสนาม แว่นก็ขยับ รู้สึกเหมือนแผ่นดินไหวตลอดเวลา ปวดตามาก อีกอย่างคือเราเป็นคนหน้ามัน ถ้าใส่แว่นแล้วมันจะมีเหงื่อตรงสันจมูก สำหรับเรามันรู้สึกรำคาญมาก ที่ผ่านมาเราใส่แว่นมาทั้งชีวิต ตอนนี้เราขอไม่ใส่ได้ไหม

 

นักร้องรุ่นน้องเจอเรื่องแบบนี้ รุ่นพี่ให้คำปรึกษาอย่างไรได้บ้าง  

จีน: เราคงไม่ได้เจอเยอะเท่าน้อง แต่พี่ว่าเราแค่ชูมันในเรื่องการทำงานคือจบ ตอนนี้โคตรอยากลาออกจากเฟซบุ๊ก เพราะเข้าไปแล้วรู้สึก ‘แล้วไง’ แต่เราต้องดูแลเพจ ก็เลยยังต้องเจอ ต้องโพสต์ ส่วนคอมเมนต์อะไรที่บั่นทอนก็ไม่ต้องสนใจ  


เราว่าตัวเองโชคดีนะ คือเราสนใจในเวย์ที่เราเป็นมากกว่า อย่างอื่นเราไม่ค่อยได้สนใจ คือใครดีกับเรา เราก็จะดีกับเขา แล้วถ้าวันไหนใครมาทำอะไรโง่ๆ กับเราก็จะโดนว่ากลับไปตรงๆ ไม่รู้สิ การสร้างภาพบางครั้งมันก็ทำให้เราลำบากใจ ฉะนั้นบางเรื่องไม่ควรสนใจก็ไม่ต้องเก็บไปใส่ใจหรอกหนู ประเทศนี้ โลกนี้มีคนตั้งกี่ล้าน เราจะเอาใจหรือใส่ใจความรู้สึกทุกคน มันเป็นไปไม่ได้


อิมเมจ: เรารู้สึกว่ามีผู้หญิงอีกมากมายที่ต้องพบเจอกับอะไรแบบนี้ ไม่มีใครชอบหรอก โดนคุกคามทางเพศ ไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือในอินเทอร์เน็ตก็ตาม คนมองว่ามันเป็นเรื่องตลก แต่ว่าการเป็นเรื่องตลกนั้นมันนำไปสู่อะไรได้บ้าง พอมีคนเห็นว่าอย่างนี้ทำได้ มันจะนำไปสู่สิ่งที่ใหญ่ขึ้น


เปอติ๊ด: เรื่องนี้โดนมาเองกับตัว ตอนนี้เปอเลิกใส่กระโปรงเวลาขึ้นโชว์ไปเลย เราเป็นคนช่วงขายาว ช่วงตัวสั้น เวลาใส่กระโปรงเลยจะรู้สึกเหมือนตัวเองหุ่นดี (หัวเราะ) แต่พอใส่ขึ้นไปเล่นคอนเสิร์ต มีคนทำเป็นอัลบั้มโพสต์ลงโซเชียล ถ่ายแต่ขาเรากับกระโปรงเหมือนเป็นเรื่องสนุก ครั้งนั้นเห็นแล้วโกรธมาก เลยส่งข้อความไปว่าตรงๆ หนักสุดคือเห็นคอมเมนต์ใต้รูปที่ไม่น่ารัก พอเจอเรื่องแบบนี้แล้วนั่งคิด มันทำให้เรารู้สึกขยะแขยงขาตัวเองเฉยเลย แล้วพอจะใส่อีกก็กลายเป็นขาดความมั่นใจ ทั้งที่ปกติเรามั่นใจมาก พอเคยเจอเรื่องแบบนี้ เราเข้าใจอิมเมจเลยว่าการเจอกับคอมเมนต์หรือคำพูดที่สำหรับเขาอาจจะคิดว่าก็แค่แซวเล่น แต่ความจริงมันสร้างความหลอน สร้างบาดแผลให้กับเรา แล้วมันใช้ชีวิตลำบากขึ้นจริงๆ


อิมเมจ: โดยส่วนตัวเราเป็นคนยอมคนนะ คิดว่าอะไรก็ได้ที่ทำให้เขาแฮปปี้ แต่การยอมมันนำไปสู่ความรู้สึกโอเคสำหรับคนพิมพ์ นำไปสู่ความโอเคในการโพสต์ นำไปสู่ความโอเคในการถ่าย และสุดท้ายนำไปสู่ความรู้สึกว่าโอเคในการล่วงละเมิด นั่นจึงทำให้คดีข่มขืนในบ้านเราเยอะมาก ซึ่งการที่คนมองว่าผู้หญิงยังเป็น sex object อยู่มันแสดงให้เห็นถึงความยังไม่เท่าเทียมสักทีในเรื่องเพศ


จีน: โอ๊ย ไม่มีหรอก ฝันไปเถอะ ความเท่าเทียมทางเพศที่รณรงค์กันมันก็แค่เรื่องผักชีโรยหน้า กลับมาที่เรื่องความสวยงามของเราดีกว่า ไม่มีใครแกร่งไปทั้งหมดได้หรอก ขนาดมาดอนน่านางยังทนไม่ได้เลย นางยังต้องบ่นๆ ออกมาเป็นเพลง หาทางระบายออกของนางไป เราเองก็ไฟต์เท่าที่ทำได้ เซฟตัวเองได้ แต่ไม่ต้องเซฟถึงขนาดต้องเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนการแต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าในตู้ของตัวเองหรอก


เปอติ๊ด: อย่าให้ความกลัวนั้นมาบดบังแฟชั่นในตัวเรา (หัวเราะ)

 

มีเรื่องให้อึดอัดเยอะเหมือนกันนะกับการจะก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จัก ถ้าอย่างนั้นความสุขของการเป็นนักร้อง-นักดนตรีสำหรับเราในตอนนี้คืออะไร

เปอติ๊ด: คือการได้เห็นคนที่เขาตั้งใจมาฟังเราร้องเพลงแล้วมีความสุข เปอเป็นนักร้องสายเฮ ฉะนั้นยิ่งเห็นคนเอ็นจอย เราจะยิ่งบิลด์ตัวเอง ยิ่งระเบิดพลัง  


จีน: เฮ้ย เป็นเหมือนกัน ยิ่งเห็นคนเอ็นจอย พลังความกล้ามันจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ


เปอติ๊ด: คนมักจะติดลุคว่าเป็นสาวโซล ทุกวันนี้บางคนยังมองว่าเปอเป็นคนนิ่งๆ เป็นสาวเรียบร้อยๆ น่ารักอยู่เลย (หัวเราะ) แล้วตอนที่เราเปิดตัวเอ็มวีเพลงแรกกับสมอลล์รูมออกไป บางคนช็อกมาก แล้วก็มาคอมเมนต์กันแบบ… ทำไมสมอลล์รูมทำให้เปอติ๊ดเป็นแบบนี้ อะไรเนี่ย นี่แหละคือตัวตนฉัน (หัวเราะ) แต่ความจริงมันก็ดีนะคะ ทุกวันนี้เวลาไปโชว์แล้วเล่นเพลงพีกๆ ในแบบเรา คนที่เข้ามาฟังเขาได้เห็นว่าตัวตนของเราจริงๆ แล้วก็แฮปปี้ สิ่งเหล่านี้ทำให้เปอรู้สึกมีกำลังใจมาก


เติ้ล: ทุกวันนี้ทำอะไรก็ได้ค่ะที่เกี่ยวกับดนตรี เติ้ลชอบหมด ชอบทุกอณู โดยเฉพาะขั้นตอนการทำ มีความสุขมาก มีอยู่วันหนึ่งอยากนอนมาก แต่ในความง่วงเรารู้สึกว่าอยากรีบนอนเพื่อจะรีบตื่นเช้าขึ้นมาซ้อมดนตรี รู้สึกว่าดีจังเลยที่ตื่นขึ้นมาแล้วได้ทำในสิ่งที่อยากทำมันจริงๆ เราอยากเล่นดนตรี อยากซ้อม อยากค้นพบเสียงใหม่ๆ


ตั้งแต่ทำวง Two Pills After Meal จากคนที่เคยเล่นแต่เปียโนไม้ กลายเป็นคนศึกษาซินธิไซเซอร์ เสียงสังเคราะห์ต่างๆ ซึ่งเราค้นพบความสนุกและอินกับมันเฉยเลย


ตอนนี้เลยรู้สึกว่าการได้มีโอกาสแต่งเพลง นำเพลงที่อยู่ในหัวออกมาทำให้มันเป็นรูปเป็นร่าง คำทุกคำที่เราคิด ตัวโน้ตทุกตัวที่เราเรียงกระทั่งออกมาเป็นเพลงให้คนได้ฟัง แค่นี้ก็ฟินแล้ว

 

มีอยู่วันหนึ่งอยากนอนมาก แต่ในความง่วงเรารู้สึกว่าอยากรีบนอนเพื่อจะรีบตื่นเช้าขึ้นมาซ้อมดนตรี รู้สึกว่าดีจังเลยที่ตื่นขึ้นมาแล้วได้ทำในสิ่งที่อยากทำมันจริงๆ เราอยากเล่นดนตรี อยากซ้อม อยากค้นพบเสียงใหม่ๆ  

 

เติ้ล-คัมภิรดา แก้วมีแสง

 

อิมเมจ: มีอยู่ช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่าไม่ค่อยอยากร้องเพลง ความสุขของเราคือการร้องเพลงก็จริง แต่ทำงานแล้วไม่มีความสุข เพราะคนคาดหวังกับเราต่างๆ นานา มันเลยทำให้เรากดดันตัวเอง จนเมื่อเร็วๆ นี้เราเพิ่งกลับมารู้สึกว่า เออ อยากร้องเพลง หลังจากที่ไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว แล้วพอรู้สึกก็นั่งร้องเพลงอยู่คนเดียว มันแฮปปี้มาก ความรู้สึกตรงนั้นทำให้เรามั่นใจว่าความสุขของเราก็คือการได้ร้องเพลงนี่แหละ


จีน: พูดเหมือนดูสวย แต่รู้สึกจริงๆ นะว่าดนตรีมันเป็นเครื่องเยียวยารักษาจิตใจ เมื่อก่อนจะเป็นคนมองโลกจริงเกิน ดาร์กเกิน ชอบหมกมุ่นอยู่กับความมืดจนบางทีมันก็ทำให้เราดูไม่ค่อยมีความสุข


อย่างสมัยทำวง Futon เราจะมีความดาร์กๆ ในบางสิ่ง ดูไม่มีความสุข (หัวเราะ) แต่สุดท้ายแล้ว การได้ร้องเพลง การได้เจอคน มันช่วยสอนให้เราเข้าใจและยอมรับคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตว่าแต่ละคนมีพื้นฐานไม่เหมือนกัน อีกอย่างคือมันทำให้เราเข้าใจว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง


เราว่านะ จริงๆ แล้วความสุขมันเริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆ ว่าเราพอใจกับอะไรแค่ไหน อย่างการเป็นนักร้อง ถึงเราจะเล่นในสถานที่เล็กๆ แต่เราได้มองสายตาของคนที่เข้ามาดู แค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว มันต่างกับการออกไปเล่นบนเวทีใหญ่ๆ ที่บางครั้งอาจจะรู้สึก ‘เหงาว่ะ’ ขึ้นมาเมื่อไรก็ได้  

 

 

ใกล้ถึงคอนเสิร์ต ‘LEO Presents Smallroom Holiday Party มันส์หายห่วง’ ในวันที่ 17 มีนาคมนี้แล้ว พรีเซนต์หน่อยว่าพวกคุณเตรียมอะไรเด็ดๆ ไว้บ้าง

เติ้ล: พูดง่ายๆ ว่าสมอลล์รูมไม่ได้จัดคอนเสิร์ตใหญ่มา 6 ปีแล้ว อย่างแรกเลย วงใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาหลังจาก 6 ปีก็อยากจะสัมผัสบรรยากาศตรงนี้มากๆ ซึ่งเรารู้สึกว่าถ้าอยากรู้จักสมอลล์รูมให้มางานนี้ หรือถ้ารู้จักกันอยู่แล้วก็ยิ่งพลาดไม่ได้ เราเองยังอยากดูทุกวง อยากดูทุกคน ยกตัวอย่างวง Barbies ที่เราไม่ได้เห็นเขาเล่นกันมานานแล้ว


จีน: หักมุมยิ่งขึ้นไปอีกคือค่ายปล่อยให้ทั้ง 14 วงไปคิดกันมาเองว่าจะทำโชว์กันแบบไหนให้เอ็นเตอร์เทนคนดูมากที่สุด

 

ทำไมต้องเป็นจัดกันที่ทะเลครับ อันนี้ถามแทนแฟนเพลง

จีน: ซัมเมอร์ มีนาคม ปิดเทอม เราก็ต้องอยู่ทะเลกันหรือเปล่า


เติ้ล: รู้สึกถึงความสดชื่นน่ะค่ะ เหมือนพี่รุ่งเคยพูดขึ้นมาเหมือนกันว่าโปรเจกต์นี้เริ่มต้นจากเราบิลด์กันเองก่อนว่าสมอลล์รูมไม่มีเอาต์ติ้งกันมานานมากแล้วนะ


จีน: ถูก ปกติจะต้องมีไปเอาต์ติ้งทะลงทะเล


เปอติ๊ด: รู้สึกว่าถ้าอยากไปพักผ่อนจริงๆ มันต้องทะเล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising