ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่และภูเก็ตสุดฮอต หลังไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่กลางปี 2565 ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างเด่นชัด ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์พลอยคึกคักไปด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดีมานด์ของชาวจีนกับตลาดคอนโดในเชียงใหม่ส่งสัญญาณร้อนแรง จนเอเจนต์จีนจี้ดีเวลอปเปอร์ไทยให้เร่งผุดโครงการคอนโดใหม่ๆ และแรงซื้อของชาวรัสเซียในตลาดวิลล่าหรูและคอนโดในภูเก็ต ที่สร้างปรากฏการณ์ยอดขายและยอดโอนทุบสถิติสูงสุดไปแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘ชาวจีน’ เล็งเข้าซื้อ ‘บ้านและคอนโดในไทย’ เพื่อลงทุนและเกษียณ เหตุราคาถูกกว่าจีน
- วิกฤตอสังหากำลังลุกลามทั่วโลก บนยอดหนี้ที่สูงเกือบ 1.75 แสนล้านดอลลาร์
- มหาเศรษฐีโลกกำลังไล่ซื้ออสังหาอย่าง ‘อพาร์ตเมนต์-ออฟฟิศ-โรงแรม’ มูลค่ารวมเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์
คนจีนจ่อแห่ซื้อคอนโดเชียงใหม่
“เรามั่นใจในตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ เพราะล่าสุดที่ได้คุยกับเอเจนซีที่ทำตลาดผู้ซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดจีน ยืนยันกับเราและให้เราเร่งก่อสร้างโครงการใหม่ได้เลย เพราะมีคนจีนรอซื้อจำนวนมาก เราจึงเร่งดำเนินการพัฒนาโครงการใหม่ทั้งคอนโดและบ้านแนวราบทันที ที่ผ่านมาตลาดคอนโดฟื้นตัวดีมากทั้งอัตราการดูดซับและยอดขายจากแรงซื้อของชาวจีน โดยยอดซื้อจากโควตาชาวต่างชาติที่คอนโดของเรา 2 โครงการเต็มเรียบร้อยแล้ว” ปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิรินโฮลดิ้ง จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยในงานสัมมนาสถานการณ์ที่อยู่อาศัยภาคเหนือ ซึ่งจัดโดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลฯ ระบุว่า เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีชาวต่างชาติซื้อคอนโดมากที่สุดเป็นอันดับ 4 รองจากภูเก็ต (อันดับ 3) ชลบุรี (อันดับ 2) และกรุงเทพฯ (อันดับ 1) โดยมีชาวจีนครองอันดับ 1 สัญชาติที่รับโอนคอนโดมากที่สุดตลอด 5 ปีย้อนหลัง (ปี 2561-2565) และเป็นจำนวนที่มากกว่าจำนวนของสัญชาติอันดับ 2-10 รวมกันอีกด้วย
และแม้ยอดโอนจะชะลอตัวลงในช่วงโควิด ซึ่งลดลงจาก 440 ยูนิต มูลค่า 1.1 พันล้านบาทในปี 2562 เหลือเพียง 192 ยูนิต มูลค่า 446 ล้านบาทในปี 2563 และ 179 ยูนิต มูลค่า 503 ล้านบาทในปี 2564 แต่สัญญาณการฟื้นตัวเริ่มดีดกลับในปี 2565 ที่พุ่งขึ้นเป็น 352 ยูนิต มูลค่า 1.2 พันล้านบาท ทั้งๆ ที่รัฐบาลจีนยังไม่เปิดประเทศ
ปรีดิกรกล่าวว่า การเปิดประเทศของจีนเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาส่งผลชัดเจนต่อการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งจะกลายเป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในที่สุด โดยหลังจากที่รัฐบาลจีนเปิดประเทศอย่างเป็นทางการแค่ครึ่งชั่วโมง ยอดจองโรงแรมของกลุ่มบริษัทจากนักท่องเที่ยวจีนวิ่งเข้ามาทันที จนเกือบรับการจองแทบไม่ทัน ส่งผลให้ยอดเข้าพักเพิ่มขึ้นจากเกือบ 40% ในปีที่แล้ว พุ่งเป็น 90%
ซื้อเพื่อลงทุนและเกษียณ
สิ่งที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับรายงานของ South China Morning Post ที่เผยว่า ประเทศไทยเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ซื้อชาวจีนที่กำลังมองหาอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศในช่วงปี 2561-2564 โดยเลื่อนมาอยู่ที่อันดับ 4 ตามหลังออสเตรเลีย แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ในปี 2565
ปัจจัยที่เอื้ออำนวยได้ผลักดันให้ผู้ซื้อชาวจีนเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมาจากราคาและผลตอบแทนการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดเพื่อนบ้านอื่นๆ
คาดว่านอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ แล้ว ผู้ซื้อชาวจีนยังเริ่มสำรวจจุดหมายปลายทางที่สำคัญในประเทศไทย เช่น พัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่ อีกด้วย
คนรัสเซียครองตลาดภูเก็ต
สำหรับภูเก็ต ตลาดผู้ซื้อชาวรัสเซียมาแรงมากในปีที่ผ่านมา โดยมียอดรับโอนคอนโดทุบสถิติ 5 ปีย้อนหลังจำนวน 240 ยูนิต มูลค่า 875 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี ถือเป็นการฟื้นตัวของตลาดรัสเซียนับตั้งแต่โควิด
โดยยอดสูงสุดก่อนหน้านี้คือปี 2562 ที่มียอดรับโอนจำนวน 193 ยูนิต มูลค่า 827 ล้านบาท ก่อนลดลงเหลือ 77 ยูนิต มูลค่า 363 ล้านบาท และ 54 ยูนิต มูลค่า 260 ล้านบาทใน 2 ปีถัดมา (ปี 2563 และ 2564 ตามลำดับ)
จำนวนดังกล่าวส่งผลให้ยอดรับโอนคอนโดในภูเก็ตของชาวต่างชาติทั้งหมดพุ่งขึ้นเป็น 637 ยูนิต มูลค่า 3 พันล้านบาท จาก 387 ยูนิต มูลค่า 5.3 พันล้านบาทในปี 2563 และ 345 ยูนิต มูลค่า 1.9 พันล้านบาทในปี 2564
ขณะเดียวกันวิลล่าในภูเก็ต ซึ่งตลาดผู้ซื้อหลักกว่า 90% คือชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวรัสเซีย มียอดขายรวมพุ่งขึ้นเป็น 129 ยูนิตในครึ่งปีหลังของปี 2565 สูงสุดในรอบ 5 ปีเช่นเดียวกัน โดยยอดสูงสุดก่อนหน้านี้คือครึ่งปีแรกของปี 2562 ที่มียอดขาย 79 ยูนิต
โดยยอดขายร้อนแรงดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการต่างหันมาพัฒนาโครงการวิลล่าจำนวนมาก ส่งผลให้ซัพพลายใหม่ในตลาดวิลล่ามีการเปิดตัวถึง 240 ยูนิตในครึ่งปีหลังของปี 2565 สูงสุดในช่วง 5 ปีย้อนหลังเช่นเดียวกัน และมากกว่าปกติที่มีการเปิดตัวเพียงไม่ถึง 50 ยูนิต หรือบางช่วงที่ไม่มีการเปิดตัวเลย ยกเว้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 ที่มียอดเปิดตัวใหม่ 194 ยูนิต
อาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ชาวรัสเซียนิยมซื้อพูลวิลล่าที่ภูเก็ต โดยเน้นขนาดใหญ่แบบ 2-5 ห้องนอน เนื่องจากต้องการมาพักแบบครอบครัว จึงต้องการพื้นที่ให้กับครอบครัวมากขึ้น
ที่น่าสนใจคือพูลวิลล่าที่นิยมซื้อมีระดับราคา 20-60 ล้านบาทต่อยูนิต และทำเลที่ได้รับความนิยมในกลุ่มชาวรัสเซียที่มองหาพูลวิลล่า ได้แก่ เชิงทะเล ลากูน่า บางเทา และลายัน เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
“ผู้ซื้อที่มีงบประมาณมากขึ้นสนใจซื้อวิลล่าบนเขาแบบ Sea View หรือที่เห็นวิวทะเล โดยทำเลยอดนิยมคือหาดสุรินทร์และหาดบางเทา ระดับราคาอยู่ที่ประมาณ 70-150 ล้านบาทสำหรับขนาด 4-5 ห้องนอน ซึ่งช่วงนี้ลูกค้าต้องการซื้อและเข้าอยู่เลย เพราะต้องการมาตอนนี้ เที่ยวตอนนี้ และอยู่ตอนนี้เลย ยูนิตที่สร้างเสร็จแล้วจึงได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็นการซื้อจากผู้พัฒนาโครงการโดยตรงหรือซื้อในตลาดรีเซล ซึ่งค่อนข้างคึกคักมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิลล่าแบบ Sea View” อาทิตยากล่าว
ด้าน พัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวว่า ผู้ซื้อชาวรัสเซียมาแรงมาก เนื่องจากปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยพบว่า มีกลุ่มชาวรัสเซียกวาดซื้อโครงการวิลล่าบางโครงการถึงครึ่งโครงการ บางกลุ่มซื้อและนำมาปล่อยเช่ากันเอง โดยวิลล่าหรูเป็นตลาดที่บูมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเลลากูน่า ทำให้ดีเวลอปเปอร์ที่มีที่ดินใกล้ลากูน่านำที่ดินมาพัฒนาวิลล่าขายชาวต่างชาติ เพราะมีดีมานด์จากกลุ่มชาวรัสเซีย จีน และยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ซื้อจากประเทศเยอรมนีที่ประสบกับวิกฤตพลังงานในประเทศ
ซื้อสวนทุเรียนด้วย!
ขณะที่ ณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า กระแสการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตของชาวจีนครอบคลุมเกือบทุกประเภท ทั้งคอนโด วิลล่า ตึกแถว และล่าสุดสวนทุเรียน
“ผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ชาวจีนจะเริ่มจากการมาเที่ยวก่อน จึงค่อยเริ่มมีนักลงทุนเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยซื้อตึกแถวเพื่อทำธุรกิจค้าขายให้กับนักท่องเที่ยวจีน ซื้อคอนโดและวิลล่าเพื่อปล่อยเช่าให้นักท่องเที่ยวจีน ตอนนี้เริ่มมองหาสวนทุเรียน เพื่อพานักท่องเที่ยวจีนไปเที่ยวและจับจ่ายซื้อทุเรียน”
ณัฏฐากล่าวเสริมว่า ย่านที่นักลงทุนชาวจีนนิยมคือบริเวณลากูน่า โดยล่าสุดมีนักลงทุนจีนกว้านซื้อตึกแถว 47 ห้องที่ย่านลากูน่า เพื่อค้าขายและทำธุรกิจเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีน โดยบริษัทได้ขายสำนักงานสาขาภูเก็ตที่ตึกแถวย่านนี้ ซึ่งมีขนาด 3 ชั้นครึ่ง จำนวน 2 คูหา ให้กับนักลงทุนกลุ่มนี้ หลังจากได้รับการเสนอราคาซื้อ 50 ล้านบาท ขณะที่บริษัทใช้เงินเพียง 14 ล้านบาทซื้อเมื่อหลายปีก่อน
อย่างไรก็ตาม กรรมการผู้จัดการไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ย้ำว่า ชาวต่างชาติไม่ได้ซื้อคอนโดภูเก็ตทั้งเกาะ แต่สนใจเฉพาะชายหาดฝั่งตะวันตกของเกาะภูเก็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาดบางเทาและหาดลายัน
ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา