หนึ่งในความสุขของแฟนบอลที่เป็นคอเกมแนวคุมทีมตั้งแต่ยุคของ Championship Manager จนถึง Football Manager คือการเฟ้นหานักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีที่ดูน่าจะมีอนาคตไกลสักคน ก่อนจะใช้เวลาอีกเนิ่นนานหลายเดือนในชีวิตจริง เพื่อปั้นเด็กคนนี้ด้วยความหวังว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นคีย์แมนที่จะพาทีมของคุณลุ้นแชมป์
นั่นทำให้เราเคยได้เห็นชื่อของเด็กมหัศจรรย์ หรือ ‘Wonderkids’ อย่าง เชอร์โน แซมบา, แม็กซิม ซิกาลโก, แอนโธนี ฟานเดน บอร์, เฟร็ดดี อาดู, มาร์ก เคอร์ หรือ ตันตัน โซลา มูโกโก ที่เชื่อว่าแทบทุกคนที่เคยเล่นเกมนี้จะเคยดึงตัวมาร่วมทีมกันบ้างไม่มากก็น้อย
และเรื่องทำนองนี้เองที่ทำให้หากมีเด็กเทพจากในเกมสักคนที่ได้โผล่มามีชื่อบนโลกของความจริงเมื่อใด แฟนๆ ก็จะตื่นเต้นและลุ้นตามไปด้วยทุกครั้งว่าจะแจ้งเกิดได้ไหม จะเก่งเทพสุดๆ เหมือนในเกมหรือเปล่า?
ล่าสุดมีเด็กเทพคนใหม่ที่ประชากรโลกฟุตบอล (แฟนคลับเกม FM) ทั่วโลกกำลังจับตา
มีใครเคยซื้อ อันเดรียส สเกลเดอรุป ไอ้หนูจากนอร์เวย์ มาร่วมทีมบ้างไหมครับ? (ยกมือขึ้นได้นะ)
สเกลเดอรุปเป็นเด็กเทพ FM ที่แฟนเกมทั่วโลกกล่าวถึงมาสักพักแล้ว และเพิ่งจะมีโอกาสย้ายจากเอฟซี นอร์ชูลันด์ (Nordsjaelland ออกเสียงว่า นอร์-ชู-ลันด์) เพื่อมาอยู่กับตักศิลาลูกหนังที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในเวลานี้อย่างเบนฟิกาในประเทศโปรตุเกส
ตามข้อมูลในเกมไอ้หนูวัย 18 ปีชาวนอร์เวย์คนนี้เล่นในตำแหน่งปีกซ้ายเป็นหลัก แต่ก็สามารถที่จะขยับเข้ามาเล่นด้านในบทกองหน้าหรือกองหน้าตัวต่ำได้ด้วย
แต่สิ่งที่ทำให้สเกลเดอรุปกลายเป็นนักเตะขวัญใจชาว FM คือเรื่องของค่าพลัง (Attribute) ที่ค่อนข้างสูงตั้งแต่แรก สวนทางกับสนนราคาค่าตัวรวมถึงโอกาสที่จะได้ตัวมาจากนอร์ชูลันด์นั้นไม่ยาก เพราะต้นสังกัดเป็นสโมสรจากนอร์เวย์
“ส่วนใหญ่แล้วคนที่เล่นเกม FM จะชอบเลือกนักเตะที่มี ‘ค่าพลังสีเขียว’ ที่ยิ่งมากยิ่งดี ตั้งแต่ 16 (เต็ม 20) หรือมากกว่า” เดวิด ลินด์เซย์ ผู้วิจัยข้อมูลของทีมนอร์ชูลันด์ ให้แก่เกม Football Manager อธิบายถึงเหตุผลที่ทำให้เด็กคนนี้เป็นขวัญใจมหาชน “สเกลเดอรุปนั้นมีค่าพลังที่เรียกว่าใกล้เคียงกับค่าพลังในฝันของนักเตะตำแหน่งปีกที่สามารถตัดเข้าในได้”
ภาพ: The Athletic
ค่าพลังของสเกลเดอรุปเป็นอย่างไรบ้าง?
เลี้ยงบอล (Dribbling) 16
จับบอลแรก (First Touch) 16
เทคนิค (Technique) 16
การมีส่วนร่วม (Anticipation) 16
การเคลื่อนที่เวลาไม่มีบอล (Off the Ball) 16
สิ่งเหล่านี้คือค่าพลังที่ขึ้น ‘สีเขียว’ ของสเกลเดอรุป ในขณะที่ค่าพลังอื่นๆ ยังมี ยิงไกล (Long Shoots) 14, ส่งบอล (Passing) 15, ความนิ่ง (Composure) 15, วิสัยทัศน์ (Vision) 15, การเร่งสปีด (Acceleration) 14 และความเร็ว (Pace) 14
สิ่งที่หลายคนอยากรู้คือ แล้วเด็กคนนี้เก่งจริงไหม?
คำตอบของคำถามนี้ให้ลองคิดดูว่า สโมสรที่เชิญเด็กคนนี้ไปทดสอบฝีเท้าตั้งแต่ก่อนจะโด่งดังในเกมนั้นมีตั้งแต่ลิเวอร์พูล, บาเยิร์น มิวนิก และยูเวนตุส ที่เป็นสโมสรในระดับยักษ์ใหญ่ของยุโรปทั้งสิ้น แต่สุดท้ายสเกลเดอรุปเลือกที่จะย้ายจากโบโด/กลิมท์ ทีมในนอร์เวย์ เพื่อมาอยู่กับนอร์ชูลันด์แทน
เฟลมมิง พีเดอร์เซน ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของนอร์ชูลันด์ และเป็นผู้อำนวยการเทคนิคของโครงการ Right to Dream Academy บอกว่า การเซ็นสัญญากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องที่ ‘ไม่ต้องคิ้ดดด’ เลย
พีเดอร์เซนอนุมัติให้นอร์ชูลันด์เซ็นสัญญากับสเกลเดอรุปตั้งแต่ตอนที่อายุแค่ 16 ปี ซึ่งตอนแรกคาดหวังว่าจะก้าวขึ้นมาอยู่ทีมชุดใหญ่ได้ภายในระยะเวลา 12 เดือน ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาที่กำลังดีสำหรับการปรับตัว แต่ปรากฏว่าไอ้หนูคนนี้ใช้เวลาแค่ 6 เดือนก็แทรกตัวเข้าทีมชุดใหญ่ได้แล้วตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2021
เรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ฝั่งของทีมพัฒนาเกมอย่างลินด์ภูมิใจ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าข้อมูลที่พวกเขาเก็บรวบรวมมาเป็นค่าพลังให้นักเตะในเกมนั้นมีความแม่นยำ “เราประเมินผู้เล่นทุกคนเป็นการส่วนตัว โดยอิงตามสิ่งที่เราเห็นพวกเขาในสนาม”
“พวกเขาเล่นแบบไหน เคลื่อนที่แบบไหน มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีมและผู้เล่นทีมตรงข้ามแบบไหน และพวกเขาทำตัวอย่างไรทั้งในเวลาที่อยู่ในสนามและนอกสนาม” หรือพูดง่ายๆ คือในการทำงานของพวกเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรจากแมวมองในชีวิตจริงที่ต้องเฝ้าดูและให้คะแนนกัน
สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การประเมินศักยภาพผู้เล่น (Player Potential) ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยเฉพาะสำหรับเด็กในวัยนี้ (14-16 ปี) เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บไหม? พวกเขาจะเบื่อการเล่นฟุตบอลอาชีพไหม? และพวกเขาจะล้มเหลวหรือเปล่า?”
เรื่องนี้ไม่ได้เกินเลยไปจากความเป็นจริง เพราะเด็กที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เด็กเทพ FM’ ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถแจ้งเกิดได้ในชีวิตจริง และบางคนก็มีโชคชะตาที่น่าเศร้า เช่น เชอร์โน แซมบา หรือ เฟร็ดดี อาดู
สำหรับสเกลเดอรุป สิ่งที่มีส่วนทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นเด็กเทพในเกม FM ได้ นอกจากการเฝ้าจับตาของลินด์แล้วยังมีคลิปที่เขา ‘เต้นระบำ’ ผ่านกองหลังอย่างง่ายดาย สไตล์การเล่นแบบไม่กลัวใคร และความมุ่งมั่นอันแรงกล้า เป็นคะแนนพิศวาสที่ทีมงานมอบให้เป็นพิเศษ
แต่ในชีวิตจริงที่สโมสรอย่างนอร์ชูลันด์ พวกเขาพอจะมองเห็นอนาคตของเด็กคนนี้ได้จากการ ‘ทำตัว’
ทำตัวแบบไหน?
ผู้อำนวยการสโมสรอย่างพีเดอร์เซนบอกว่า ก่อนการซ้อมสเกลเดอรุปจะมีการ ‘อุ่นเครื่อง’ ตัวเอง ซึ่งไม่ใช่การอุ่นแข้งอุ่นขา เพราะนั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทุกคนต้องทำอยู่แล้ว แต่เด็กคนนี้ ‘อุ่นสมอง’ ของตัวเองผ่านการใช้เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) ที่จะทำให้เขาได้เผชิญกับสถานการณ์การเล่นที่หลากหลายบนโลกเสมือนจริงก่อนจะลงสนามซ้อม
พูดแบบหนังจีนคือ ปลดผนึกสมองเพื่อเตรียมใช้พลังจักรวาลในการลงสนามแล้ว
แต่ความเนิร์ดแบบนี้ไม่ได้ทำให้เขาแปลกแยกหรือแตกต่าง เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีม เข้ากับเพื่อนๆ ได้ดี แม้ว่าจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ชอบโชว์ ไม่ชอบแอ็ก ก็ตาม
“เราเคยเห็นเด็กๆ ในอังกฤษหลายคนที่ใจแตกไปกับวัตถุนิยมหรือติดหญิง แต่อันเดรียสไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้น เขามีดีมากมายในตัว และเขาไม่เคยอวดตัวเอง”
หน้าที่ของสโมสรอย่างนอร์ชูลันด์คือ การพยายามผลักดันเด็กทุกคน ซึ่งรวมถึงสเกลเดอรุป ให้เติบโตอย่างถูกทาง ซึ่งหนึ่งในทางที่จะทำให้เติบโตได้คือ การที่ต้องพยายามพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง ผ่านวิธีการง่ายๆ คือคัดช็อตการเล่นมาให้เห็น
ช็อตไหนดีปรบมือ
ช็อตไหนไม่ดีก็โดนตีมือแทน
แล้วโค้ชจะแนะให้เห็นทันทีว่าตรงไหน ‘ควรจะทำได้ดีกว่านี้’
และเพราะเหตุนี้เองที่แจ้งเกิดกับนอร์ชูลันด์เมื่อ 2 ปีก่อน ในรอบตลาดการซื้อ-ขายฤดูหนาวที่ผ่านมาเขาจึงถูกทีมนักปั้นอย่างเบนฟิกาคว้าตัวไปร่วมทีม และเป็นอีกครั้งที่น่าจะเป็นการเลือกทางเดินที่ชาญฉลาดของเด็กวัย 18 ปีคนนี้
“เขาสามารถเติบโตจากความผิดพลาดได้ ซึ่งเด็กๆ สมัยนี้ไม่ค่อยได้โอกาสจากการเล่นในทีมใหญ่นัก ความจริงก็มีสโมสรอื่นที่สนใจในตัวเขา แต่เบนฟิกาก็เป็นตัวเลือกที่ฉลาด สไตล์การเล่นของทีมเข้ากับตัวเขาพอดี”
ในความเห็นของพีเดอร์เซน สเกลเดอรุปมีโอกาสจะไปได้ไกล อาจจะไกลถึงระดับไล่ตาม เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด ซึ่งเป็นสองสุดยอดนักเตะของนอร์เวย์ในเวลานี้
“ผมคิดว่ามันมีความคล้ายคลึงบางอย่างระหว่างโอเดการ์ดและอันเดรียส” ผู้อำนวยการนอร์ชูลันด์ กล่าว “อย่างน้อยที่สุดผมคิดว่าเขาน่าจะไปได้ถึงในระดับของโอเดการ์ด หรืออย่างน้อยที่สุดเขาจะได้ลงเล่นในทีมที่อยู่ในระดับแชมเปียนส์ลีก และหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ลุ้นแชมป์ด้วย”
ล่าสุดในเกมแชมเปียนส์ลีกที่เบนฟิกาถล่มคลับ บรูกก์ 5-1 สเกลเดอรุปมีชื่อบนม้านั่งสำรองด้วย แม้ว่าจะยังไม่มีโอกาสได้ลงสนามก็ตาม
แต่อย่างน้อยถือว่าเขาพอมีความหวังที่จะก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ลูกหนังในชีวิตจริง
ที่หากเป็นความจริงได้ ก็น่าจะทำให้แฟนเกม FM ทั่วโลกมีความสุขตามไปด้วย 🙂
อ้างอิง:
