วันนี้ (7 มีนาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงการแก้ปัญหาไฟป่าว่า กระทรวงทรัพย์ฯ ได้ประกาศปิดอุทยานแห่งชาติในภาคเหนือไป 6-7 แห่ง และได้โยกสรรพกำลังเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระดมไปดูแลไฟป่าที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องงบประมาณการดับไฟป่านั้น ขอทำความเข้าใจว่าเป็นงบของกรมอุทยานฯ ที่ใช้ในการดับไฟป่าในเขตพื้นที่อนุรักษ์ ระดมอุปกรณ์ เฮลิคอปเตอร์ เจ้าหน้าที่เพื่อควบคุมรักษาดับไฟป่าไม่ให้ลุกลาม พยายามไม่ให้เผาไหม้มากกว่าที่เป็นอยู่ ทางกระทรวงทรัพย์ฯ ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและส่วนราชการต่างๆ ขอให้เข้มงวด เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้การเผาไหม้ขยายวงมากขึ้น
วราวุธยังได้กล่าวถึงกรณีที่ นิติพล ผิวเหมาะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้นั้น ต้องขอขอบคุณที่มีการตั้งข้อสังเกตมา แต่อยากให้เข้าไปดูเนื้องานด้วย ไม่ใช่เอาแต่พูดอย่างเดียวเพื่อให้ได้เนื้อข่าวในช่วงสถานการณ์เลือกตั้ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงทรัพย์ฯ ได้ประสานงานกับทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และขอย้ำว่าเราไม่เคยโทษพี่น้องเกษตรกรหรือกลุ่มชาติพันธุ์ตามที่นิติพลเข้าใจผิด ขณะเดียวกัน ไม่เคยบอกว่าเป็นความผิดของบริษัทห้างร้านใหญ่ๆ เพราะเวลาเกิดปัญหาขึ้น มันเป็นความผิดของทุกคน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นต้องแก้ไขร่วมกัน เพราะเมื่อเกิดปัญหา PM2.5 มันไม่ได้เลือกว่าจะมาที่เกษตรกร ชาติพันธุ์ นายทุนใหญ่
“ประเด็นที่นิติพลพูดอยากให้มีกำแพงภาษีในการนำเข้าผลผลิตเกษตรนั้น ผมคิดว่าแนวนโยบายที่ถูกต้องและมีวิสัยทัศน์ควรจะแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะยาวด้วย การที่อยู่ๆ จะไปเพิ่มกำแพงภาษีสินค้าเกษตรเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะเกิดปัญหามากกว่า สิ่งที่นิติพลพูดถึงขณะนี้เกิดขึ้นในกลุ่มสหภาพยุโรป แต่กำแพงภาษีนั้นยังไม่เกิดขึ้นกับสินค้าเกษตร ดังนั้น เกษตรกรจะต้องปรับตัว และนี่คือสาเหตุว่าทำไมกระทรวงทรัพย์ฯ จะต้องเดินหน้าในการทำงานเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิต รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะทำให้ประชาชนไม่ต้องเผาผลผลิตที่เหลือจากการเกษตร เช่น ตอซังข้าว ซังข้าวโพด ต้องเข้าใจก่อนว่าจิตวิญญาณของเกษตรกร การเผาคือส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เป็นขนบธรรมเนียม แต่จากนี้ไปเขาจะต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของโลก กระทรวงทรัพย์ฯ จึงหาแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืน” วราวุธกล่าว
วราวุธกล่าวด้วยว่า ต้องขอบคุณนิติพลที่เสนอข้อสังเกตมา ตนเองไม่ได้ทำตัวเป็นฝุ่น และขอฝากว่าสิ่งที่นิติพลพูดมานั้นขออย่าให้เป็นนโยบายฝุ่นก็แล้วกัน คือมองเห็นแต่จับต้องไม่ได้
