อเลส เบียเลียตสกี (Ales Bialiatski) เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี 2022 และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนชาวเบลารุสอีกสองราย ถูกศาลเบลารุสพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 10 ปี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 มีนาคม) ในข้อหาระดมเงินทุนและลักลอบนำเงินเข้าประเทศเพื่อใช้ในการประท้วงต่อต้านและขับไล่ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก
นอกจากนี้ศาลยังตัดสินโทษจำคุกนักเคลื่อนไหวอีก 2 ราย คือ วาเลียนต์ซิน สเตฟาโนวิช (Valiantsin Stefanovich) ถูกตัดสินจำคุก 9 ปี และ อูลัดซิเมียร์ ลาบโกวิช (Uladzimir Labkovich) ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี โดยทั้งสองเป็นสมาชิกองค์กร Viasna ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนในเบลารุส ตามรายงานของ Bloomberg
หลังการตัดสินดังกล่าว ชเวียตลานา ชีคาโนว์สกายา (Sviatlana Tsikhanouskaya) ผู้นำฝ่ายค้านของเบลารุส ซึ่งลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ได้ออกมาประณามว่าเป็นคำพิพากษาที่น่าตกใจอย่างมาก พร้อมกับทวีตข้อความว่า “เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้กับความอยุติธรรมที่น่าอดสูและคืนอิสรภาพให้พวกเขา”
ขณะที่ อันนาเลนา แบร์บ็อก รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนี ทวีตข้อความประณามการตั้งข้อหาและการตัดสินคดีของศาลเบลารุสว่าเป็นเรื่องน่าขัน ที่ทั้ง 3 คนถูกตัดสินเพียงเพราะต่อสู้เรียกร้อง สิทธิ ศักดิ์ศรี และเสรีภาพให้แก่ชาวเบลารุสตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“รัฐบาลของเบลารุสกำลังต่อสู้กับประชาชนโดยใช้ความรุนแรงและการจับคนขังคุกเป็นเครื่องมือ นี่เป็นความอัปยศที่เกิดขึ้นรายวัน พอๆ กับการที่ลูคาเชนโกสนับสนุนการทำสงครามของปูติน (ในยูเครน)” แบร์บ็อกกล่าว และเรียกร้องให้รัฐบาลเบลารุสยุติการข่มเหงทางการเมือง พร้อมทั้งเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมดกว่า 1,400 คน
ทั้งนี้ เบียเลียตสกีถูกตัดสินจำคุกมาตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งในช่วงนั้นมีการประท้วงต่อต้านรัฐบาลของประธานาธิบดีลูคาเชนโกเป็นวงกว้าง หลังอ้างว่าฝ่ายตนได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายจากการเลือกตั้งในปีเดียวกัน
สำนักข่าว CNN รายงานว่า เบียเลียตสกีได้รวบรวมข้อมูลและหลักฐานการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเบลารุสมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 ก่อนจะก่อตั้งองค์กร Viasna ขึ้นในปี 1996 หลังมีการทำประชามติเพื่อควบรวมอำนาจบริหารงานของประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก
โดยในปี 2022 เบียเลียตสกีได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ร่วมกับองค์กรสิทธิมนุษยชน ‘Memorial’ จากรัสเซีย และศูนย์เสรีภาพพลเมือง (Center for Civil Liberties: CCL) ซึ่งเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนจากยูเครน หลังพยายามรวบรวมข้อมูลและหลักฐานการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงการก่ออาชญากรรมสงคราม
ภาพ: VITALY PIVOVARCHIK / BELTA / AFP
อ้างอิง:
