สำนักงานส่งเสริมการลงทุนฮ่องกง (InvestHK) เผย 3 อุตสาหกรรมมาแรงในฮ่องกงสำหรับ ‘ผู้ประกอบการไทย’ ชู 3 จุดแข็ง ได้แก่ 1. ระบบภาษีที่ไม่ซับซ้อนและเอื้อต่อบริษัทสตาร์ทอัพ 2. ศูนย์กลางการเงินและการค้าโลก 3. กำลังซื้อที่แข็งแกร่ง หลังเปิดพรมแดนต้อนรับชาวต่างชาติ
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ สตีเฟน ฟิลลิปส์ อธิบดีสำนักงานส่งเสริมการลงทุนฮ่องกง (Invest Hong Kong: InvestHK) กระทรวงการพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจฮ่องกง กล่าวว่า มั่นใจเศรษฐกิจฮ่องกงจะกลับมาพลิกบวกในปี 2023 หลังจากหดตัว 3.5% ในปี 2022 หลังจากเมื่อปลายที่ผ่านมา ทางการฮ่องกงเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาด และกลับมาเปิดพรมแดนเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี
โดยฟิลลิปส์มองว่ามี 3 ภาคส่วนที่น่าสนใจสำหรับบริษัทจากประเทศ ได้แก่ 1. บริการทางการเงิน 2. นวัตกรรมและเทคโนโลยี ท่ามกลางกระแส AI และ Big Data ที่มาแรง และ 3. การผลิตเชิงเพิ่มมูลค่า (High Value Added Manufacturing) ที่เหมาะอย่างมากสำหรับฮ่องกง ซึ่งเป็นดินแดนที่มีพื้นที่ไม่มากนัก
“โอกาสในฮ่องกงสำหรับบริษัทไทย ผมมองว่ามี 3 ภาคส่วนหลัก ฮ่องกงมีสิ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ สถานะศูนย์กลางทางการเงิน ทั้งบริการทางการเงินแบบดั้งเดิม ฟินเทค บริการทางกฎหมาย บัญชี ที่ปรึกษาด้านภาษี และสำนักงานครอบครัว (Family Offices) สำหรับบุคคลที่มีรายได้สุทธิสูงเป็นพิเศษ ที่มีเครื่องมือในการลงทุนเป็นพิเศษ” ฟิลลิปส์กล่าว
กำลังซื้อในฮ่องกงเป็นอย่างไร?
ฟิลลิปส์ยังให้ข้อมูลว่า ตลาดค้าปลีกในฮ่องกงมีมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่มาตรการควบคุมโควิดยังมีผลบังคับใช้ โดยนอกจากประชากรราว 7 ล้านคนในฮ่องกงแล้ว นักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนประมาณ 60 ล้านคนต่อปีในช่วงก่อนเกิดการระบาดที่เตรียมจะกลับมาหลังฮ่องกงเปิดพรมแดนอีกครั้ง จะเป็นจุดเปลี่ยนในแง่ของการบริโภคและอุปสงค์ของผู้บริโภค
มาตรการทางภาษี ‘เป็นมิตร’ สำหรับสตาร์ทอัพ
InvestHK ระบุอีกว่า นอกจากฮ่องกงยังไม่มีภาษีที่ซับซ้อน เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศในโลก โดยไม่มีทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือภาษีสินค้าและบริการ (GST) ภาษีนิติบุคคล (Corporate Tax) ในฮ่องกงก็ดึงดูดไม่แพ้ที่อื่นๆ ของโลก โดยอยู่ที่ 16.5% สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นในฮ่องกงเท่านั้น โดยทางการจะไม่เก็บภาษีจากรายได้ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศด้วย
สำหรับบริษัทสตาร์ทอัพ ทางการฮ่องกงยังมีมาตรการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลน้อยกว่าอัตราปกติครึ่งหนึ่ง โดยเหลือที่ 8.25% สำหรับรายได้ 2 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงแรก ซึ่งนับเป็นระดับที่ค่อนข้างแข่งขันได้ในระดับโลก
นอกจากนี้ ฮ่องกงยังมีมาตรการทางภาษีจำนวนมากสำหรับบริษัทที่วิจัยและพัฒนา (R&D) ในฮ่องกง โดยการใช้เงิน 100,000 ดอลลาร์ใน R&D สามารถลดหย่อนภาษีได้ 3 เท่า หรือลดหย่อนได้ถึง 300,000 ดอลลาร์จากกำไร
ศูนย์กลางการเงินและการค้าโลก
ฮ่องกงถือเป็น 1 ในศูนย์กลางด้านการเงินชั้นนำของโลก โดยฮ่องกงดอลลาร์ยังเป็นที่ยอมรับและสามารถแลกเปลี่ยนกันได้อย่างเสรี และฮ่องกงเปิดอิสระในการเคลื่อนไหวเข้าออกของสินค้า ข้อมูล และเงินทุน ซึ่งปัจจุบันมีธนาคารชั้นนำระดับ Top 100 ของโลกจำนวนมากถึง 77 แห่งตั้งสำนักงานปฏิบัติการอยู่ในฮ่องกง
ในปี 2020 อาเซียนเป็นผู้ส่งออกสินค้าไปยังฮ่องกงรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศจีน มูลค่าการค้าระหว่างฮ่องกงและอาเซียนสูงถึง 4.648 ล้านล้านบาท คิดเป็น 13% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของฮ่องกง โดยระหว่างปี 2016-2022 มูลค่าการค้าระหว่างฮ่องกงและอาเซียนเติบโตปีละ 6%
ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (InvestHK) เป็นหน่วยงานภายใต้รัฐบาลเขตบริหารงานพิเศษฮ่องกง มีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนและดำเนินธุรกิจในฮ่องกงพร้อมให้คำปรึกษาและบริการต่างๆ แก่บริษัทที่สนใจเข้ามาลงทุน ตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้นในการวางแผนงาน ไปจนถึงการเปิดตัวธุรกิจและการขยายธุรกิจในฮ่องกง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และมีสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง (Hong Kong Economic and Trade Office: HKETO) ประจำอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เกิดอะไรขึ้นกับ ‘ฮ่องกง’ ทำไมสถานะ ‘ศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย’ กำลังถูกสั่นคลอน และอาจกลายเป็นแค่อดีต
- ส่องกรณีศึกษาการเติบโตของ เศรษฐกิจสิงคโปร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า
- เปิดจุดเด่น เวียดนาม หลังจ่อขึ้นแท่นประเทศที่คว้าชัยในยุค Deglobalization
