ชื่อของ ‘บุญญาพร นาตะธนภัทร’ เป็นที่พูดถึงหลังจากเธอได้ลุกขึ้นประท้วงระหว่างการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อช่วงวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
บุญญาพรคือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หนึ่งเดียวของพรรคพรวมไทยสร้างชาติในขณะนี้ แม้พรรคยังไม่เคยผ่านสนามเลือกตั้งแม้แต่ครั้งเดียว แต่ผลพวงของรัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้พรรคมี ส.ส. คนแรกในสภาได้
การประท้วงของเธอที่ปกป้อง พล.อ. ประยุทธ์ อย่างหนักแน่น เธอคือใคร THE STANDARD ชวนรู้จัก ‘บุญญาพร นาตะธนภัทร’
เธอคือใคร เริ่มต้นจากพรรคไหน
“อดีตเราตั้งพรรคพลังชาติไทย มาจากจิตอาสาพลังชาติไทย ตั้งแต่ปี 2559 แล้วก็ตั้งพรรคเมื่อปี 2561 ชื่อพรรคพลังชาติไทย”
บุญญาพรระบุว่าในการเลือกตั้ง ปี 2562 พรรคพลังชาติไทยได้รับการเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 1 คน คือ พล.ต. ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่ออันดับแรกและหัวหน้าพรรค อีกทั้งยังเป็นสามีของเธอด้วย
“ตัวดิฉันเองก็เป็น ส.ส. บัญชีรายชื่ออันดับสอง จึงได้รับเลื่อนขึ้นมาแทน”
นอกจากนี้เธอยังได้ควบตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังชาติไทย ก่อนเปลี่ยนชื่อพรรคเป็น ‘รวมแผ่นดิน’ จากการเข้ามาเซ้งต่อของ พล.อ. วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา แต่แล้วเธอก็ถูกขับออกให้พ้นจากสมาชิกพรรครวมแผ่นดิน ต้องมาสังกัดพรรคใหม่นั่นคือ ‘รวมไทยสร้างชาติ’
ทำไมต้อง ‘รวมไทยสร้างชาติ’
“เพราะชอบ ศรัทธาในนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ ตรงที่เชิดชูชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นหลัก แล้วก็ศรัทธาในท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค แล้วก็ศรัทธาในกรรมการบริหารทุกๆ ท่าน”
เธอบรรยายต่อในความชอบพรรครวมไทยสร้างชาติว่า บุคลากรในพรรคล้วนเป็นบุคคลดี บุคคลดีก็คือเก่ง ความรู้ความสามารถวิสัยทัศน์กว้างไกล แล้วก็มาช่วยกันพัฒนาประเทศ มองดูแล้วว่าน่าจะเป็นพรรคที่น่าสนใจ
“ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ จันทร์โอชา ซึ่งท่านก็มาเป็นสมาชิกพรรคตรงนี้ด้วย พอถูกขับออกจากพรรคเดิม ตัดสินใจแน่นอนว่าต้องมาสมัครพรรคนี้ค่ะ คิดว่าจะเป็นอนาคตที่ดี แล้วก็เราเข้าไปน่าจะทำชาติบ้านเมืองให้มีความเจริญรุ่งเรืองแล้วก็ศิวิไลซ์”
บทบาทการประท้วงปกป้อง พล.อ. ประยุทธ์
บุญญาพรตอบโต้ บุศริณธญ์ วรพัฒนานันน์ ส.ส. พรรคเพื่อชาติ ซึ่งอภิปรายระบุตอนหนึ่งว่า พล.อ. ประยุทธ์สิ้นคิด เธอจึงต้องลุกขึ้นมาประท้วงครั้งแรกในสภาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
“ที่ตื่นเต้นเพราะว่าเราเพิ่งครั้งแรกในการประท้วง อภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ไม่มีการลงมติ เราก็ไม่เคยทำหน้าที่นี้” คำชี้แจงของเธอหลังการอภิปรายเสร็จ
“รู้สึกว่าอะไรๆ ท่าน (พล.อ. ประยุทธ์) ก็ไม่ดีหมด พอมีคำว่าสิ้นคิด เรามีความรู้สึกว่าเป็นการพูดจาไม่สุภาพ ไส่ร้ายป้ายสี เราก็เลยประท้วงคำว่าสิ้นคิด
“ทีนี้ก็คือโกรธแทนท่าน (พล.อ. ประยุทธ์) เพราะว่าท่านเป็นคนที่เก่งค่ะ เก่งแล้วก็มีความคิดที่ดี แต่ท่านไม่ได้เป็นคนสิ้นคิดค่ะ ก็เลยมีความรู้สึกไม่พอใจอย่างแรง นี่ค่ะคือเหตุผลหนึ่งค่ะ”
และต่อมาการอภิปรายของ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. พรรคไทยศรีวิไลย์ เธอก็ลุกขึ้นมาประท้วงอีกครั้ง
“คือนั่งฟัง อันนั้นก็ทุจริต อันนี้ก็ทุจริตๆ ทุจริตเยอะแยะไปหมด เราก็หาจังหวะ เราก็โกรธแทนท่านค่ะ ท่านทุจริตตรงไหน เพราะว่าท่านยังไม่มีศาลสั่งเลย”
บุญญาพรชี้แจงต่อว่า “ไม่มีข้อกล่าวหาที่ชัดเจนว่าท่านทุจริต พูดแต่ พล.อ. ประยุทธ์ทุจริต จนเราอาศัยความที่ว่าไม่ไหวแล้ว ก็ลุกขึ้นประท้วงท่านมงคลกิตติ์ว่าให้ถอนคำพูดคำว่าทุจริต เพราะท่านไม่ได้ทุจริต แล้วอีกอย่างหนึ่งท่านไม่ได้มีคำสั่งศาล
“ที่บอกว่าท่านทุจริต เหมือนไส่ร้ายป้ายสีท่านเกินไป เราจึงใช้แบบเหมือนคำพูดของทหารให้ถอนคำพูดว่าถอนคำว่าทุจริตเดี๋ยวนี้”
การประท้วงทั้ง 2 ครั้งของบุญญาพรแจ้งเกิดเธอในฐานะ ส.ส. หนึ่งเดียวของรวมไทยสร้างชาติ ที่ทำหน้าที่ปกป้องดาวเด่นของพรรคหนึ่งเดียวเช่นกัน คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อนาคตในพรรครวมไทยสร้างชาติ
“เราพยายามรักษาว่าขณะที่เราดำรงตำแหน่ง ส.ส. อยู่ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ เหลือเวลาอีกนิดเดียว เราต้องแสดงหน้าที่ที่เรามีอยู่ให้เต็มที่กับเวลาที่เหลืออยู่ เพื่อจะไม่มีความผิดหวังจากคณะกรรมการบริหารทั้งหมดและหัวหน้าพรรค”
เธอพูดถึงอนาคตของตัวเองในพรรคต่อว่า อยู่ที่ ‘ผู้ใหญ่’ เห็นสมควรที่จะวางตำแหน่งหน้าที่ให้ ตอนนี้ก็เข้าไปด้วยใจ ทำด้วยใจ ไม่มีข้อต่อรองอะไรทั้งนั้น
“ศรัทธาในตัว พล.อ. ประยุทธ์ รัก พล.อ. ประยุทธ์ค่ะ เพราะว่าท่านทำความดีเอาไว้เยอะ แต่ว่าคนมองแล้วมองข้าม มองเห็นสิ่งที่ไม่ดีนิดๆ หน่อยๆ จริงๆ คนทำก็ต้องมีผิดบ้างนิดหน่อย แต่คนที่ไม่ผิดคือคนที่ไม่ได้ทำเลย มีความรู้สึกรักท่าน ท่านทำเต็มที่ ท่านตั้งใจทำค่ะ ดูแล้วก็เราก็เป็นสายเลือดทหารเหมือนกัน”