เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) (KEX) รายงานขาดทุนสุทธิ 932 ล้านบาทใน 4Q65 แย่ลงจากขาดทุน 675 ล้านบาทใน 3Q65 และขาดทุน 603 ล้านบาทใน 4Q64 บริษัทบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (หลังภาษี) จำนวน 307 ล้านบาทใน SG&A ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการลดต้นทุน หากตัดรายการนี้ออกไปพบว่าขาดทุนปกติอยู่ที่ 625 ล้านบาท ดีขึ้นจากขาดทุน 675 ล้านบาทใน 3Q65
อย่างไรก็ตาม ขาดทุนปกติออกมาแย่กว่าประมาณการของ Consensus ที่คาดว่าจะมีขาดทุน 492.5 ล้านบาท รายได้ยังคงอยู่ในทิศทางขาลง โดยลดลง 3.2%QoQ และ 13.1%YoY บริษัทไม่ได้เปิดเผยตัวเลขปริมาณการจัดส่งพัสดุใน 4Q65 แต่กล่าวว่าปริมาณการจัดส่งพัสดุค่อนข้างทรงตัว YoY
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- จุดต่ำสุดอยู่ตรงไหน? หุ้น ‘เคอรี่ เอ็กซ์เพรส’ นิวโลว์ต่อเนื่อง ขาดทุน 5 ไตรมาสรวด สภาพคล่องหายไป 4.3 พันล้านบาท
- ‘กลยุทธ์ราคา’ ช่วยทำให้ Kerry Express ทำลายสถิติยอดจัดส่งพัสดุปี 2564 โต 30% แต่ ‘กำไร’ หล่นวูบ 96.7%
- สงครามราคาครั้งใหม่! Kerry Express เคาะราคาเริ่มต้น 15 บาท ส่วน Flash Express หั่นค่าส่งลง 10% สวนทาง ‘ไปรษณีย์ไทย’ ที่ขึ้นราคาในรอบ 18 ปี
ดังนั้นจึงคาดว่ารายได้ต่อชิ้นน่าจะลดลง QoQ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะสะท้อนถึงการแข่งขันด้านราคาที่ยังคงรุนแรง OPEX (ต้นทุนการขายและการให้บริการ + ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร) อยู่ที่ 5 พันล้านบาท ลดลง 3.2%QoQ และ 9.8%YoY ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ลดลง และโครงการลดต้นทุนของบริษัท โดยรวมแล้ว KEX รายงานขาดทุนปกติ 2.5 พันล้านบาทในปี 2565 เทียบกับกำไร 45 ล้านบาทในปี 2564
กระทบอย่างไร:
ราคาหุ้น KEX ปรับลดลง 3.23%DoD อยู่ที่ระดับ 15.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.32%DoD อยู่ที่ระดับ 1647.39 จุด (ณ 15 กุมภาพันธ์)
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566 และกลยุทธ์การลงทุน:
KEX จัดประชุมนักวิเคราะห์หลังจากประกาศผลประกอบการ 4Q65 แม้ว่า KEX รายงานปริมาณการจัดส่งพัสดุเพิ่มขึ้น 18% ในปี 2565 แต่ผู้บริหารตั้งเป้าปริมาณการจัดส่งพัสดุระดับทรงตัวในปี 2566 โดยกล่าวว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะได้รับผลกระทบจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากผู้คนจะหันมาช้อปปิ้งทางช่องทางออฟไลน์กันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม KEX ยังคงคาดว่าปริมาณการจัดส่งพัสดุจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักในระยะยาว รายได้ต่อชิ้นคาดว่าจะอยู่ในระดับทรงตัว ในขณะที่ต้นทุนต่อชิ้นน่าจะลดลงจากการดำเนินโครงการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารจึงคาดว่า P&L จะถึงจุดคุ้มทุนใน 3Q66 นอกจากนี้ผู้บริหารยังยืนยันกลยุทธ์ครองตำแหน่งผู้นำตลาดจัดส่งพัสดุด่วนและให้ความสำคัญกับส่วนแบ่งตลาด ซึ่งบ่งชี้ว่ายังมีความเสี่ยงที่การแข่งขันด้านราคาจะรุนแรงมากขึ้น
ทั้งนี้ InnovestX Research คาดว่าผลประกอบการ 1Q66 จะยังคงมีตัวเลขติดลบ แม้ว่าขาดทุนน่าจะลดลง โดยคาดว่ารายได้จะลดลง QoQ และ YoY อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้คนน่าจะช้อปปิ้งออนไลน์น้อยลง อย่างไรก็ตาม โครงการลดต้นทุนเชิงรุกใน 4Q65 น่าจะช่วยให้ OPEX ลดลง และไม่น่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวเกิดขึ้นอีก
โดยรวมแล้วยังคงคาดว่า KEX จะมีขาดทุนสุทธิ 525 ล้านบาทในปี 2566 ประมาณการดังกล่าวจะมี Downside หากยังไม่เห็น OPEX ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญใน 1Q66
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แม้ขาดทุนปกติลดลงใน 4Q65 แต่ไม่น่าจะมากพอที่จะกระตุ้นให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากการฟื้นตัวเกิดขึ้นค่อนข้างช้าและยังไม่มีสัญญาณที่ไม่ชัดเจน ขณะที่ราคาหุ้น KEX ปรับตัวลดลงมาแล้ว 12% ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา
ดังนั้นจึงคงคำแนะนำเชิง Tactical สำหรับ KEX ไว้ที่ Underperform ด้วยราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF ที่ 16 บาทต่อหุ้น ซึ่งไม่คิดว่าราคาหุ้นจะรีบาวด์ได้แรง เนื่องจากนักลงทุนน่าจะเลือกรอดูอัตราการปรับตัวลดลงของ OPEX ใน 1Q66 หลังจากบริษัทดำเนินโครงการลดต้นทุนเชิงรุกใน 4Q65
ส่วนปัจจัยเสี่ยงและความกังวลที่ต้องติดตามคือ กลยุทธ์การตั้งราคาเชิงรุกมากขึ้นจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของ KEX เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจกำลังจะกลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้นผู้คนจึงมีแนวโน้มที่จะช้อปปิ้งออนไลน์ลดลง ซึ่งจะสร้าง Downside ต่อสมมติฐานปริมาณการจัดส่งพัสดุที่ให้ไว้