“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” ไม่เพียงเป็นคำประกาศแรกที่พรรครวมไทยสร้างชาติใช้สื่อสารให้สังคมได้รับรู้ถึงบุคลิกและเป้าหมายของพรรค แต่ยังอธิบายถึงบุคลิกและเป้าหมายของ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ ในเวลานี้อย่างครบถ้วน
ในฐานะ ‘เสนาธิการ-มือขวา’ ทางการเมือง ซึ่งเป็นที่พึ่งพาให้กับ ‘พล.อ. ประยุทธ์’ ได้ทุกเรื่อง
พีระพันธุ์เป็นนักการเมืองจำนวนน้อยราย ในบัญชีเดียวกับ สุชาติ ชมกลิ่น, ธนกร วังบุญคงชนะ, เสกสกล อัตถาวงศ์ และ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่เจาะประตูเหล็กของบรรดาเสนาธิการทหารตึกไทยคู่ฟ้าเข้าหาประยุทธ์ได้สำเร็จ
ไม่มีพีระพันธุ์ช่วยอ่านความเป็นไป คำนวณคณิตศาสตร์การเมือง และเติมไฟปรารถนา อาจไม่ปรากฏพรรครวมไทยสร้างชาติ ช่วยประยุทธ์สานอำนาจในการเลือกตั้งที่กำลังมาถึง
ก่อนถึงวันนี้ เขายื่นใบลาออกถึง 3 ครั้งในชีวิตการเมือง
บทความที่เกี่ยวข้อง
- คอลัมน์พิเศษ PEOPLE IN POLITICS
- อดีตของปัจจุบัน ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ กับ 13 ปี ในวงอำนาจประเทศไทย
-
‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ ดิน ฟ้า อากาศ และญาติทางการเมือง 4 เงื่อนไขก่อนตัดสินใจเลือกสังกัด
- เกาะติดข่าว เลือกตั้ง 2566 ล่าสุด ข้อมูลพรรคการเมือง รายงานสดผลเลือกตั้ง ได้ที่ เว็บไซต์ เลือกตั้ง 2566
ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์
หลังความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่กลายเป็นพรรคต่ำร้อยในการเลือกตั้งมีนาคมปี 2562 อภิสิทธิ์เปิดทางให้มีหัวหน้าพรรคคนใหม่
กลางเดือนพฤษภาคม 2562 พีระพันธุ์ ส.ส. 6 สมัย และอดีตรัฐมนตรียุติธรรม ประกาศลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยประกาศความมุ่งมั่นในการกอบกู้พรรคประชาธิปัตย์
เสียงกระซิบทั่วพรรคส่งต่อกันว่า พีระพันธุ์คือสงครามตัวแทนที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรค ปชป. และแกนนำ กปปส. ส่งลงชิงอำนาจนำในพรรค
พีระพันธุ์เปิดใจกับผู้จัดการออนไลน์ถึงเหตุผลที่เขาประกาศตัวชิงอำนาจนำในพรรค ยิงตรงไปยังเครือข่ายอำนาจเดิมในพรรค
“ที่ผ่านมาอำนาจถูกรวบอยู่กับคนไม่กี่คนในพรรค อำนาจอยู่ที่หัวหน้า เลขาฯ และคนที่หัวหน้าชอบพอ แล้วเกิดความรู้สึกว่าทำไมเราไม่มีโอกาสได้ทำงานเหมือนคนเหล่านั้น…เรื่องเหล่านี้อยู่ในใจสมาชิกมากขึ้นเรื่อยๆ จนนำไปสู่หายนะ”
ถึงที่สุด จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีต ส.ส. พังงา, ส.ส. บัญชีรายชื่อ 11 สมัย และอดีตรัฐมนตรี 5 กระทรวง คว้าตำแหน่งหัวพรรคคนที่ 8
หลังจากนั้นเพียง 5 วัน พีระพันธุ์โพสต์เฟซบุ๊กถึงความในใจที่ทำสั่นสะเทือนไปทั้งพรรค “ผู้ใหญ่บางคนที่ผมเคยเคารพนับถือมาเกือบ 30 ปี ที่ผมเคยเชื่อว่าดี แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงภาพลวงตา ใครไม่ยอมอยู่ในอาณัติ หรืออยู่ฝ่ายตรงข้ามกันเมื่อใด ก็กลายเป็นคนที่ต้องถูกพิฆาต แผ่บารมีต่อต้านวาดภาพให้เป็นคนไม่ดี”
เป็นเหตุให้ ชวน หลีกภัย ผู้มากบารมีในพรรคต้องรีบออกมาตอบโต้ในเวลาต่อมา
7 เดือนให้หลังความพ่ายแพ้จากการลงชิงอำนาจนำ พร้อมได้รับการโต้กลับอย่างรุนแรงจากผู้มากบารมี ทั้งถูกลดทอนความสำคัญในพรรค ประกอบกับได้รับคำเชิญจากผู้ใหญ่นอกรัฐบาลให้ทำภารกิจสำคัญ พีระพันธุ์ยื่นจดหมายลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 9 ธันวาคม 2562 ปิดฉากชีวิตการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งกินระยะเวลามากกว่า 2 ทศวรรษ
ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ
ลาออกจากที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
หลังจากยื่นใบลาออกหนแรกเพียง 8 วัน นายกรัฐมนตรีออกคำสั่งแต่งตั้งพีระพันธุ์เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2562
ภารกิจหน้าฉากในวันนั้นคือการส่งเทียบเชิญมาช่วยดูงานกฎหมาย ทว่าภารกิจหลังจากนั้นเพิ่งได้รับคำเฉลยเมื่อไม่นานมานี้
‘แผนกบฏการเมืองล้มนายกรัฐมนตรี’ โดย ‘ธรรมนัส-นฤมล’ เกิดขึ้นระหว่าง 31 สิงหาคม – 3 กันยายน 2564 ให้ผลลัพธ์อยู่ที่การลงดาบ ปลดสองรัฐมนตรีในวันที่ 8 กันยายน 2564
หนึ่งในจังหวะเคาะโต๊ะของประยุทธ์ต่อพี่ใหญ่ 3 ป. คือต้องการส่งตัวแทน ‘เป็นหู-เป็นตา’ นั่งในวงตัดสินใจพรรคพลังประชารัฐ คานกับขั้วอำนาจธรรมนัส
เป็นที่มาให้ พล.อ. ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรค ลงนามแต่งตั้งพีระพันธุ์เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 โดยพีระพันธุ์สมัครเป็นสมาชิกพรรคในเดือนเดียวกัน
พีระพันธุ์เขย่าพรรคด้วยพิมพ์เขียวการจัดทำโครงสร้างการบริหารพรรค-การวางยุทธศาสตร์พรรคใหม่ ถึงที่สุดไม่เพียงข้อเสนอได้รับการโต้กลับ แต่ยังเกิดวิวาทะระหว่างพีระพันธุ์กับ ‘ทีมงานวงในของบ้านป่ารอยต่อ’ อีกหลายยก
เมื่อสัญญาณการแยกตัวระหว่างพี่น้อง 2 ป. แรงขึ้น พีระพันธุ์ยื่นอีกสองใบลาออกในชีวิตการเมือง นั่นคือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และลาออกจากการเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2565
สานอำนาจประยุทธ์
ในการปราศรัยใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติที่จังหวัดชุมพร พีระพันธุ์ให้คำเฉลยที่ครบถ้วนถึงภารกิจหลังฉาก
“พรรคนี้เกิดขึ้นเพราะความคิดของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา จัดตั้งเป็นตัวเป็นตนโดยท่าน เสกสกล อัตถาวงศ์ มีชีวิตและบริหารมาจนวันนี้เพราะ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค”
ชีวิตของพรรครวมไทยสร้างชาติเริ่มที่แรมโบ้อีสาน ได้รับสานต่อให้โตไวด้วยพีระพันธุ์ โดยในการประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 พีระพันธุ์ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการ
หนึ่งในปฏิบัติการที่ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของ พล.อ. ประยุทธ์ ที่จะลุยงานการเมืองด้วยตัวเอง คือคำสั่งตั้งพีระพันธุ์ขึ้นเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือ ‘นายกฯ น้อย’ มีผลตั้งแต่ 20 ธันวาคม 2565 หวังใช้อำนาจในเฮือกสุดท้ายก่อนยุบสภา สร้างความแข็งแกร่งให้กับฝ่ายตัวเอง
พรรครวมไทยสร้างชาติชูเฉดสีการเมืองและจุดยืนชัดเจน สะท้อนผ่านสีธงไตรรงค์ที่เด่นชัด ท่ามกลางคำประกาศของพีระพันธุ์ว่า “พล.อ. ประยุทธ์ ท่านเป็นทหารอาชีพ ไม่ได้คิดมาเป็นนักการเมือง แต่ที่ต้องเดินหน้าทางการเมืองเพราะต้องการสร้างพรรคการเมืองที่เป็นพรรคหลักของประเทศ เป็นสถาบันการเมือง เชิดชูชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์”
สายสัมพันธ์ผู้ใหญ่นอกรัฐบาล
ในการสัมภาษณ์กับประชาชาติธุรกิจ พีระพันธุ์ถ่ายทอดถึงสายสัมพันธ์ชุดหนึ่งไว้อย่างน่าสนใจ
“ผมกับแดง (พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก และรองเลขาธิการพระราชวัง) เป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่เด็ก เรารักกันแบบเป็นเพื่อนกันมา ผมอยู่โรงเรียนเซนต์คาเบรียลมาด้วยกัน เห็นกันมาตั้งแต่นุ่งขาสั้นตั้งแต่เป็นเด็กๆ ไม่มีอนาคตว่าต่อไปใครเป็นอะไร
“ไม่ได้คบกันมาเพราะรู้ว่าเขาจะมาเป็น ผบ.ทบ. ไม่ได้คบกันมาเพราะว่าผมจะเข้ามาเป็นนักการเมือง คบกันมาแบบเด็กๆ เพื่อน พี่น้อง ทุกวันนี้คบกันไม่ได้คุยเรื่องการเมืองกัน เพราะผมกับเขาไม่ได้คบกันเพื่อการเมือง ผมคบกันเพราะเป็นพี่น้อง คุยกันเฉพาะเรื่องพี่น้อง ไม่เคยคุยเรื่องการเมือง”
เมื่อนักข่าวถามถึง ‘ฟางเส้นสุดท้ายของการตัดสินใจลาออกจากประชาธิปัตย์’
“ตอนลาออกคิดเพียงแต่ว่าเราอยู่ไม่ได้แล้ว ใจมันอยู่ไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้อยากออกจาก ส.ส. เพราะทำมานาน 30 ปี แต่ไม่มีทางเลือก เมื่อทำใจได้แล้วเราก็ออก ผมลาออกมาได้ 1-2 วัน ผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่ฝ่ายการเมือง ไม่ใช่คนของรัฐบาล โทรมาสอบถามว่าถ้าผมออกมาแล้วไม่ได้ทำอะไรก็มาช่วยงานรัฐบาลหน่อยได้ไหม ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง โดยยังไม่ได้บอกว่าจะให้เข้ามารับตำแหน่งใด”
พีระพันธุ์เผยถึงสายสัมพันธ์กับอภิรัชต์อย่างชัดเจน แต่ไม่เคยเฉลยว่า ‘ผู้ใหญ่นอกรัฐบาล’ ที่ชวนไปทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองคือใคร? แต่ในวันข้างหน้าคงมีคำเฉลย เหมือนที่เขาได้เฉลยถึงภารกิจหลังฉากในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ผ่านการเป็นนั่งร้านพรรครวมไทยสร้างชาติ ช่วยสานอำนาจ พล.อ. ประยุทธ์ อีกสมัย
3 ใบลาออกเป็นเครื่องยืนยันถึงประสบการณ์และความพร้อมในการทำภารกิจใหญ่ 1 สายสัมพันธ์เป็นแรงค้ำจุนทางการเมืองชนิดเกินคาดเดา