Wanderlust Coffee & Eatery จิบกาแฟ ฟังเรื่องเล่าในคาเฟ่ของเหล่านักเดินทาง

Wanderlust Coffee & Eatery เป็นคาเฟ่อีกแห่งบนถนนพระราม 4 มุ่งหน้าสู่เยาวราช ในระยะที่พอเดินมาจากสถานี MRT หัวลำโพงได้แบบไม่เหนื่อย ที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมตัวของนักเดินทางชาวต่างชาติที่มาพักใน 2W Bed & Breakfast Bangkok บริเวณชั้นสองของร้าน

“เราอยากทำคาเฟ่ที่เหมาะกับนักเดินทาง” คุณเมย์-จักกพัฒน์ วงศ์โสภา ผู้ร่วมก่อตั้งคาเฟ่และธุรกิจโฮสเทลเริ่มเล่าถึงที่มา “Wanderlust มีรากศัพท์มาจากภาษาเยอรมัน หมายถึงผู้กระหายที่จะออกเดินทางตลอดเวลา ผมคิดว่าเส้นทางของกาแฟก็เหมือนกับการเดินทางอีกแบบหนึ่ง คำว่า ‘ดีที่สุด’ สำหรับคนชงกาแฟแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน บางคนอยากกลั่นรสชาติออกมาให้ดีที่สุด บางคนคุณภาพต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง บวกกับเรามีที่พักสำหรับนักเดินทางด้วย เลยอยากทำคาเฟ่สำหรับนักเดินทาง”

ก่อนจะเปิด Wanderlust Coffee & Eatery คุณเมย์เคยทำงานบริหารในเครือโรงแรมไทยประมาณ 7 ปี แล้วออกมาทำธุรกิจโฮสเทลเองร่วมกับหุ้นส่วนในชื่อ 2W ด้วยความตั้งใจจะสร้างพื้นที่แห่งการแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวระหว่างคนต่างถิ่น โฮสเทลแบรนด์นี้จึงมีสาขาในภูเก็ตถึง 2 แห่ง เกาะสมุย 1 แห่ง และสาขาล่าสุดคือ กรุงเทพฯ โดยจับมือกับหุ้นส่วน 4 คน ไอเดียของร้านคาเฟ่ที่มีบริการอาหารเช้าอร่อยๆ และกาแฟดีๆ พร้อมจิบจึงก่อตัวเป็นรูปร่าง

“ตอนนั้นเราไม่ใช่คนดื่มกาแฟด้วยซ้ำ ก็เลยไปเรียนชงกาแฟ พอเริ่มชงเป็นก็รู้สึกสนุก เวลาที่ได้กำหนดรสชาติของกาแฟแต่ละแก้วให้กับลูกค้า ถ้าเขาชอบ เราก็แฮปปี้ หลังจากนั้นก็เริ่มหัดดื่มกาแฟดริป ซึ่งตอนแรกยังไม่แพร่หลายในบ้านเรา ลองศึกษาวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของชาติอื่นๆ และหัดทำเอง เลยพบว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเรื่องการกำหนดรสชาติ บอดี้ หรือเนื้อสัมผัสในน้ำกาแฟ มันมีเสน่ห์ที่เราอยากรู้และค้นหาอีก”

The Vibe

แม้ละแวกนี้จะมีคาเฟ่เปิดใหม่เรื่อยๆ แต่ Wanderlust ก็สะกิดความสนใจเราตั้งแต่ประตูกระจกที่มีโลโก้ W สีทองโดดเด่นสะดุดตา เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะพบกับผนังและเคาน์เตอร์ปูนเปลือย ตามการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นอินดัสเทรียลแบบดิบๆ เท่ๆ สเปซของร้านกาแฟกับโฮสเทลจัดสรรแบ่งส่วนกันชัดเจน เราค่อนข้างชอบบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเองในร้าน เหมาะกับการหลบแดดจัดมานั่งพักจิบกาแฟเย็นๆ มองนักท่องเที่ยวเดินเข้าออกมาทักทายกันตลอดวันก็ได้อารมณ์เหมือนอยู่ในคาเฟ่ต่างแดนดีเหมือนกัน

“เราอยากทำร้านกาแฟเป็นเอกเทศไปเลย เวลาทำการตลาดจะได้ไม่สับสน บางคนอาจคิดว่าอาหารในที่พักไม่น่าอร่อย ไม่ได้ทำกันซีเรียส ถ้าเราอยากจะทำจริงจังก็ต้องแยกกาแฟกับที่พักให้ชัดเจน เผื่อหุ้นส่วนคนไหนอยากแยกตัวออกไปทำต่อเองในอนาคตก็จะได้ไม่มีปัญหา”

The Drinks

แม้จะเป็นคาเฟ่เล็กๆ เราพบว่า Wanderlust จริงจังและพิถีพิถันในเรื่องกาแฟไม่แพ้ร้านไหน ตั้งแต่เมล็ดกาแฟเฮาส์เบลนด์ประจำร้านที่ทำงานร่วมกับโรงคั่ว และยังใช้เมล็ดกาแฟไทยเป็นส่วนผสมเพื่อสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นไปในตัว รสกลมกล่อม บาลานซ์ดี ใช้เสิร์ฟทั้งกาแฟเย็น-ร้อน ส่วนใครชอบกาแฟฟิลเตอร์ก็ไม่ต้องห่วง เพราะทางร้านขยันเลือกเมล็ดจากโรงคั่วทั่วโลกมาให้ลองกันทุกๆ ซีซัน (ราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพของเมล็ดกาแฟ เริ่มต้นที่ 120 บาท) เราขอแนะนำ Phasom เมล็ดกาแฟไทยจากดอยผาส้ม อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ รสชาติสมูทและ acidity ไม่โดดเกินไป จะเลือกดื่มเป็น Cold Brew หรือกาแฟดริปก็เข้าที อีกแก้วคือ Metro (120 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ตัวนี้ใช้เอสเพรสโซเฮาส์เบลนด์เชกกับโทนิก รินในน้ำส้ม ได้ความเปรี้ยวซ่าและสดชื่นไปเต็มๆ

“ซิกเนเจอร์ที่ดีต้องเริ่มมาจากวัตถุดิบที่ดี ผมเชื่อว่าการไปหาแหล่งวัตถุดิบดีๆ เป็นเรื่องสำคัญมาก เช่น เมล็ดกาแฟ กาแฟที่ยืนพื้นสำหรับ Cold Brew ของเราจะเป็นเมล็ดที่ค่อนข้างลิมิเต็ด มีคาแรกเตอร์พิเศษ”

Metro แก้วนี้เหมาะกับวันร้อนๆ แดดจัด

กาแฟดริป (Pour Over Coffee)

Ready Cacao โกโก้ปั่นใส่กล้วย หวานมันเข้มข้น

ใครไม่ใช่คอกาแฟ ลองสั่ง Ready Cacao (140 บาท) โกโก้ปั่นใส่กล้วย รสชาติหอมหวานเข้มข้น ตัดกับความเปรี้ยวของสตรอว์เบอร์รีที่เพิ่มมาเป็นท็อปปิ้ง

The Dishes

ด้วยความหลงใหลวัฒนธรรมคาเฟ่ของเมลเบิร์นที่ซีเรียสกับการเสิร์ฟ Specialty Coffee และใช้วัตถุดิบปรุงอาหารที่หลากหลาย ทางร้านจึงชวน คุณแอน-พัณณ์ชิตา กมลโต เชฟสาวที่มีประสบการณ์ทำงานในเมลเบิร์นนาน 17 ปี มาช่วยออกแบบคอนเซปต์ทั้งหมดในสไตล์ All-Day Brunch เช่น Pizza Dip (160 บาท) ที่มาจากไอเดียการแยกตัวแป้งพิซซ่ากับเครื่องหน้าออกจากกัน Spaghetti Marinara สปาเกตตีผัดปลาสลิดคลุกเคล้ากับซอสรสจัดจ้าน เพิ่มความอร่อยด้วยชีสพาร์เมซาน ส่วนของหวานขอยกป้ายไฟให้กับ Skillet Dutch Pancake (220 บาท) แพนเค้กสไตล์ดัตช์เสิร์ฟบนกระทะร้อนๆ ราดเมเปิลไซรัป กินกับท็อปปิ้งกล้วย สตรอว์เบอร์รี และไอศกรีมวานิลลา