ซีอีโอ Nike เชื่อมั่นตลาดจีนยังแข็งแกร่ง แม้โควิดฉุดรายได้ลดลง แต่ยังเป็นแบรนด์ยอดนิยมของ Gen Z พร้อมลุยเพิ่มประสบการณ์ช้อปปิ้งสู่ระดับพรีเมียมดึงลูกค้า
CNBC รายงานว่า ทิศทางและกลยุทธ์การทำตลาด Nike ในประเทศจีน หันมาโฟกัสผู้บริโภค Gen Z เป็นหลัก
จอห์น โดนาโฮ ซีอีโอของ Nike กล่าวว่า บริษัทมุ่งให้ความสำคัญกับการทำตลาดในประเทศจีน เน้นเจาะลูกค้า Gen Z เพราะยังมีความแข็งแกร่งในด้านของการจับจ่าย แม้จะหยุดชะงักไปบ้างเมื่อช่วงโควิดระบาด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- กูรูแนะ Nike เร่งระบายสินค้าคงคลังครั้งใหญ่ แต่ไม่ควร ‘หั่นราคา’ หวั่นไม่สามารถกลับไปขายราคาเต็มได้อีก
- ‘Nike’ ห่วงตลาดจีนซบหลังโควิดยืดเยื้อ เร่งหาช่องทางใหม่ ล่าสุดเปิดร้านในอิตาลี เสริมประสบการณ์ช้อปแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ
- ดับฝันพ่อค้าคนกลาง Nike ในเกาหลีใต้ออกกฎใหม่ สามารถ ‘ยกเลิกคำสั่งซื้อ’ หากถูกสงสัยว่าจะนำไป ‘ขายต่อ’
ปัจจุบัน Nike ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับหนึ่งในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง เพราะเป็นแบรนด์ที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาดอยู่เป็นระยะๆ โดยเฉพาะในไตรมาส 2 ปีที่ผ่านมา จึงได้รับการตอบรับจากลูกค้า Gen Z เป็นอย่างดี
สำหรับผลประกอบการของ Nike สิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2022 ยอดขายในจีนลดลง 3% โดยจีนเป็นตลาดที่ทำรายได้เป็นอันดับ 3 ของ Nike สาเหตุหลักที่รายได้ลดลงนั้นมาจากนโยบายโควิดของจีน ทำให้ร้าน 1,500 สาขาทั่วภูมิภาค ต้องปิดตัวลงชั่วคราว และส่งผลให้สัดส่วนยอดขายรวมทั้งหมดลดลง 22%
ทั้งนี้ หลังจากจีนยกเลิกนโยบายโควิดพร้อมเปิดประเทศ แม่ทัพของ Nike ก็ยังไม่ได้ประเมินถึงภาพการใช้จ่ายว่าจะกลับมาฟื้นตัวมากน้อยแค่ไหน เพราะยังอยู่ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน แต่มั่นใจว่าจีนจะยังเป็นตลาดที่มีความแข็งแกร่ง แม้จะชะงักบ้างเป็นครั้งคราว
ในขณะเดียวกัน Nike ยังต้องเผชิญกับสินค้าคงคลังในอเมริกาเหนือที่มากเกินไป โดยบริษัทมีเป้าหมายจะทำให้สินค้าคงคลังกลับมาสู่ระดับปกติภายในเดือนพฤษภาคม 2023 โดยซีอีโอของ Nike กล่าวต่อไปว่า สินค้าคงคลังส่วนใหญ่เป็นสินค้าเครื่องแต่งกายเป็นหลัก จึงต้องจัดรายการส่งเสริมการขาย ลดราคา เพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่ยังมีการจับจ่ายผลิตภัณฑ์รุ่นที่ชื่นชอบ
พร้อมกันนี้ยังได้ลงทุนหันมาใช้กลยุทธ์ส่งสินค้าตรงถึงผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งจากเดิมจะเน้นส่งตรงให้กับพันธมิตรต่างๆ เพียงอย่างเดียว แต่ก็ต้องยอมรับว่าช่องทางค้าปลีกสำคัญกับแบรนด์มาก
และด้วยปัจจุบันผู้บริโภคในยุคนี้ต้องการได้สินค้ารวดเร็วมากขึ้น ดังนั้นแบรนด์จึงต้องเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งทุกช่องทางสู่ระดับพรีเมียมและให้บริการอย่างสม่ำเสมอมากขึ้น
อ้างอิง: