วานนี้ (12 มกราคม) ลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ประธานาธิบดีบราซิล ออกมากล่าวว่า เขาสงสัยว่ามีเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีที่สนับสนุนอดีตประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนาโร เป็นผู้ที่ช่วยให้ม็อบบุกเข้ามาในทำเนียบประธานาธิบดีได้
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวบราซิลที่สนับสนุนโบลโซนาโรได้รวมตัวกันประท้วงและก่อเหตุอาละวาดในอาคารรัฐสภา ศาลฎีกา และทำเนียบประธานาธิบดี โดยมีการทำลายหน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์ และงานศิลปะหลายชิ้น อีกทั้งยังได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วย ถือเป็นการโจมตีสถานที่ราชการครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่บราซิลคืนสู่ประชาธิปไตยในช่วงทศวรรษ 1980
โดยภาพจากวิดีโอที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นหน้าต่างหลายบานแตกกระจาย เก้าอี้จำนวนมากพังเสียหาย และมีเศษขยะเกลื่อนทำเนียบ อีกทั้งยังมีการพ่นสีข้อความที่เรียกร้องให้ทหารออกมาทำรัฐประหารยึดอำนาจด้วย
ลูลาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เขาได้สั่งการให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อเจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดีหลังเกิดเหตุจลาจลแล้ว
“ผมค่อนข้างมั่นใจว่ามีคนเปิดประตูทำเนียบประธานาธิบดีให้ม็อบเข้ามาได้ เพราะไม่มีประตูบานไหนที่พังเสียหายเลย” ประธานาธิบดีกล่าวในกรุงบราซิเลีย นั่นจึงตีความได้ว่า มีคนอำนวยความสะดวกให้พวกเขาเข้ามา
“เราจะตรวจสอบอย่างรอบคอบเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น” ลูลากล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่ของบราซิลระบุว่า พวกเขากำลังอยู่ในระหว่างการสืบสวนว่าใครเป็นผู้ที่วางแผนก่อเหตุบุกสถานที่ราชการสำคัญและได้แหล่งเงินทุนมาจากที่ใด
ทั้งนี้ ลูลาและคณะรัฐมนตรีของบราซิลเรียกเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นว่า เป็นการพยายามทำรัฐประหารโดยกลุ่มผู้สนับสนุนโบลโซนาโรหัวรุนแรง ซึ่งปฏิเสธไม่ยอมรับชัยชนะของฝ่ายซ้ายในการเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคม 2022 ซึ่งขณะนั้นลูลาเฉือนเอาชนะโบลโซนาโรไปอย่างหวุดหวิดด้วยคะแนนเสียง 50.9 ต่อ 49.1%
ภายหลังเกิดเหตุดังกล่าว มีรายงานว่า มีผู้ประท้วงถูกจับกว่า 1,800 รายในกรุงบราซิเลีย โดยในจำนวนดังกล่าวมี 1,159 รายที่ยังคงถูกควบคุมตัว ส่วนผู้ถูกคุมขัง 694 รายซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เด็ก และคนชรา ได้รับการปล่อยตัวแล้ว
แฟ้มภาพ: Horacio Villalobos#Corbis / Corbis via Getty Images
อ้างอิง: