วันนี้ (31 ธันวาคม) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ขอความร่วมมือให้ทางการจีนแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด และการฉีดวัคซีนโควิดภายในประเทศที่รวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น เพื่อใช้ในการประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต หลังจีนเตรียมเปิดพรมแดนประเทศอีกครั้งในวันที่ 8 มกราคม 2023 แม้จะยังมีผู้ป่วยโควิดรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งประเทศจีนและประชาคมโลก
ทางการจีนเพิ่งประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายรับมือโควิดระดับชาติ จากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-COVID) มาเป็นนโยบายปรับตัวและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดเมื่อไม่นานมานี้ หลังเกิดกระแสต่อต้านรัฐบาลจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง พร้อมประกาศเตรียมเปิดประเทศ อนุญาตให้ชาวจีนและนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้า-ออกประเทศได้อีกครั้ง หลังจากปิดพรมแดนรับมือโควิดมานาน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020
การประกาศเปิดประเทศของจีน ส่งผลให้ทางการในหลายประเทศยกระดับมาตรการคุมเข้มรับมือโควิดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวจีนที่กำลังจะทะลักออกนอกประเทศ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2023
โดย WHO เผยว่า องค์การอนามัยโลกได้ขอความร่วมมือให้ทางการจีนแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดที่มีความเรียลไทม์มากยิ่งขึ้น รวมถึงข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิดให้กับกลุ่มประชากรผู้มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป พร้อมทั้งระบุว่า การประกาศยกระดับมาตรการคุมเข้มต่อนักท่องเที่ยวชาวจีนของนานาชาติถือเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในช่วงเวลานี้
รัฐบาลฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศที่กำหนดให้ชาวจีนที่ต้องการจะเดินทางเข้าประเทศนั้น จะต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นลบ (ไม่พบการติดเชื้อ) ไม่เกิน 48 ชั่วโมงก่อนบินเข้าประเทศ ก่อนที่รัฐบาลสเปนและอิตาลีจะประกาศใช้มาตรการในลักษณะเดียวกันนี้ โดยสอดคล้องกับมาตรการของเกาหลีใต้ที่กำหนดให้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีนจะต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อที่เป็นลบก่อนบินเข้าเกาหลีใต้ อีกทั้งยังต้องตรวจหาเชื้อแบบ PCR ในวันแรกที่เดินทางถึงเกาหลีใต้อีกด้วย
แม้ทางการจีนจะเคยประกาศว่า สถานการณ์โควิดภายในประเทศจีนอยู่ภายใต้การควบคุมและสามารถคาดการณ์ได้ แต่รัฐบาลหลายประเทศ รวมถึงองค์กรที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาดต่างเชื่อว่า ในความเป็นจริง ตัวเลขผู้ป่วยโควิดและผู้ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อสูงกว่าตัวเลขที่ทางการจีนรายงานอย่างมาก
ภาพ: Noel Celis / AFP
อ้างอิง:
