เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (14 ธันวาคม) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศข้อตกลงใหม่ที่มุ่งยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแอฟริกา ในช่วงเวลาที่จีนแผ่ขยายอิทธิพลทางการค้าและการลงทุนอย่างมากในเวทีโลก
“สหรัฐฯ พร้อมทุ่มหมดหน้าตักเพื่ออนาคตของแอฟริกา” ไบเดนกล่าวกับผู้นำชาติแอฟริกันจาก 49 ประเทศ และสหภาพแอฟริกา (African Union) ในการประชุมที่จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ณ กรุงวอชิงตัน ซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวันอังคาร (13 ธันวาคม)
คำพูดของไบเดน ตลอดจนการประชุมสุดยอดที่จัดขึ้นนี้ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับให้สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรรายสำคัญของประเทศในแอฟริกา ในช่วงเวลาที่กำลังแข่งขันกับอีกหนึ่งมหาอำนาจโลกอย่างจีน ซึ่งพยายามแผ่ขยายอิทธิพลด้วยการให้ทุนสนับสนุนโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานในทวีปแอฟริกาและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยปัจจุบันการค้าระหว่างจีนและแอฟริกานั้นมีขนาดใหญ่กว่าสหรัฐฯ ถึง 4 เท่า อีกทั้งจีนยังเป็นเจ้าหนี้รายสำคัญของแอฟริกา ซึ่งเสนอปล่อยสินเชื่อที่ให้ดอกเบี้ยถูกกว่าชาติตะวันตกด้วย
ไบเดนกล่าวว่า ข้อตกลงใหม่กับเขตการค้าเสรีทวีปแอฟริกา (African Continental Free Trade Area) จะทำให้บริษัทสัญชาติอเมริกันสามารถเข้าถึงประชาชนกว่า 1.3 พันล้านคน และตลาดที่มีมูลค่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมยกตัวอย่างของบริษัทที่ได้ทำข้อตกลงในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งรวมถึง General Electric และ Cisco Systems
“เมื่อแอฟริกาประสบความสำเร็จ สหรัฐฯ ก็จะประสบความสำเร็จด้วย พูดง่ายๆ ก็คือทั้งโลกก็จะประสบความสำเร็จเช่นกัน” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว
การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้นำจากชาติแอฟริกาที่จัดขึ้นนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี หรือตั้งแต่ปี 2014 ภายใต้ยุคของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา โดยรัฐบาลของไบเดนได้ให้คำมั่นที่จะมอบความช่วยเหลือมูลค่า 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์แก่แอฟริกาในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อแก้ปัญหาความมั่นคงทางอาหาร ภาวะโลกรวน ความร่วมมือทางการค้า และประเด็นอื่นๆ ขณะที่เมื่อวานนี้ ไบเดนกล่าวว่าเขาจะสนับสนุนให้สหภาพแอฟริกาเข้าร่วมเป็นสมาชิกถาวรของกลุ่ม G20 ด้วย
ภาพ: Anna Moneymaker/Getty Images
อ้างอิง: