รัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลแคนาดาประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ทางการอิหร่านเพิ่มเติม หลังจากละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน จับกุมผู้เห็นต่าง และใช้กำลังความรุนแรงปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วง เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา
โดยรัฐบาลทั้งสองประเทศได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ระบุว่า สหรัฐฯ และแคนาดาร่วมกันประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่รัฐของทางการอิหร่านที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนชาวอิหร่าน
ไม่ว่าจะเป็น อาลี อักบาร์ จาวีดัน ผู้บัญชาการกองกำลัง LEF ในจังหวัดเคร์มอนชอฮ์ของอิหร่าน ที่ถูกอ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารผู้ชุมนุม รวมถึง เอบราฮีม กูชักเซอี ผู้นำกองกำลัง LEF ในชาบาฮาร์ ที่ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุเพียง 15 ปี และเกี่ยวข้องกับการสังหารผู้ชุมนุมกว่า 60 ราย และ อัลละห์ คาราม อะซิซี ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทารุณนักโทษทางการเมืองในเรือนจำราจาอีชาห์ นอกกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน
โดยการประกาศคว่ำบาตรในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญต่อต้านการคอร์รัปชันและการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้ความสำคัญ โดยอิหร่านเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ทางการสหรัฐฯ เฝ้าจับตามอง รวมถึงสถานการณ์ในเกาหลีเหนือ รัสเซีย เอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลา มาลี ฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่ในซินเจียงของจีน
ชนวนเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดกระแสลุกฮือและประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิสตรีในอิหร่าน เกิดขึ้นจากการเสียชีวิตของหญิงสาวชาวเคิร์ดวัยเพียง 22 ปีอย่าง มาห์ซา อามินี ที่ถูกตำรวจศีลธรรมของอิหร่านจับกุมตัวเนื่องจากแต่งกายไม่เหมาะสม ไม่สวมผ้าคลุมฮิญาบและเครื่องแต่งกายที่ปกคลุมท่อนแขนและขาขณะอยู่ในพื้นที่สาธารณะ และเสียชีวิตในท้ายที่สุด
โดยทางการอิหร่านยังได้ลงโทษประหารชีวิต โมห์เซน เชการี ชายหนุ่มผู้ร่วมชุมนุมประท้วงวัยเพียง 23 ปี ด้วยวิธีการแขวนคอ หลังเชการีใช้มีดทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ยิ่งสร้างแรงกระเพื่อมในสังคม และทำให้ทางการอิหร่านได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากในประชาคมโลก
ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนในอิหร่านเผยว่า มีประชาชนชาวอิหร่านอย่างน้อย 426 รายถูกสังหาร และอีกกว่า 17,400 รายถูกจับกุมตัว ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลอิหร่านที่ต้องการจะสลายการชุมนุมด้วยวิธีการใช้ความรุนแรง
ภาพ: Geoffroy Van Der Hasselt / AFP
อ้างอิง: