วันนี้ (9 ธันวาคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 6 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ จากเหตุรุนแรงทางการเมือง ปี 2553 พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ. ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 วรรคสอง
โดยในช่วงเช้าวันนี้มีเพียงจำเลยที่ 2-4 เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษา ไม่พบว่า ธาริต จำเลยที่ 1 เดินทางมายังศาลแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 12.15 น. ศาลอ่านรายงานกระบวนพิจารณา นัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาวันนี้ ทนายโจทก์ที่ 1-2 จำเลย 2-4 ทนายจำเลยที่ 1 พนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลยที่ 3-4 และในฐานะผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2 และผู้รับมอบอำนาจ นายประกันจำเลยทั้งสี่มาศาล ส่วนจำเลยที่ 1 ไม่มา
ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่าจำเลยที่ 1 เจ็บป่วยเป็นโรคนิ่วในไตทั้งด้านซ้ายและด้านขวา มีอาการปวดอักเสบรุนแรง มีเลือดออกมาพร้อมปัสสาวะ จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ด้วยการผ่าตัดนิ่วทั้งสองข้าง ใช้เวลารักษารวม 4 เดือน และจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่เป็นคดีหมายเลขดำที่ รฟ 1/2565 คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างไต่สวน ซึ่งหากศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดี อาจมีผลต่อการใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ ทั้งนี้ในคดียังมีญาติของผู้เสียชีวิตบางรายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่ 3 แต่ยังอยู่ระหว่างระยะเวลายื่นคำคัดค้านคำร้องดังกล่าว ด้วยเหตุจำเป็นทั้งหมด จำเลยที่ 1 จึงขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไป ตามคำร้องขอเลื่อนคดีฉบับลงวันที่ 7 ธันวาคม สำเนาคำร้องให้คู่ความทุกฝ่ายแล้ว
ทนายโจทก์ที่ 1-2 แถลงว่า คดีนี้มีการเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกามาแล้วหลายนัด ประกอบกับญาติของผู้เสียชีวิตซึ่งยื่นคำขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่ 3 สามารถยื่นคำร้องดังกล่าวเข้ามาในคดีได้ก่อนมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด เหตุการณ์ตามฟ้องมีผู้เสียชีวิตมากถึง 99 คน
หากมีการยื่นคำร้องเข้ามาเรื่อยๆ อาจทำให้ต้องเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาไปอีกหลายนัด เนื่องจากคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทำให้ศาลชั้นต้นไม่อาจสั่งคำร้องต่างๆ ที่ยื่นมาในระหว่างนี้ได้ เป็นเหตุให้คดีล่าช้า หากให้ศาลฎีกาเป็นผู้อ่านคำพิพากษาเองจะเป็นการสะดวกและรวดเร็วยิ่งกว่า ส่วนอาการเจ็บป่วยของจำเลยที่ 1ให้อยู่ในดุลพินิจของศาล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่ายังมีคำร้องหลายฉบับที่อยู่ระหว่างระยะเวลายื่นคำคัดค้านศาลนี้จึงยังไม่ได้ดำเนินการส่งคำร้องดังกล่าวให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง หากศาลฎีกามีคำสั่งประการใดอาจส่งผลต่อดุลพินิจในการทำคำพิพากษาคดีนี้ได้ กรณีมีเหตุจำเป็นไม่อาจอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาไปในวันนี้ได้
แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเร่งรัดคดีให้สามารถอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาได้โดยเร็ว จึงเห็นสมควรให้คู่ความทุกฝ่ายรับสำเนาคำร้องต่างๆ ในสำนวนไปในวันนี้ หากบุคคลใดประสงค์จะคัดค้านให้ยื่นคำคัดค้านต่อศาลภายในวันที่ 5 มกราคม 2566
หากไม่ยื่นภายในกำหนดให้ถือว่าไม่ติดใจยื่นอีก และให้เจ้าหน้าที่รวบรวมสำนวนพร้อมคำร้องทั้งหมดส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งโดยเร็ว ส่วนคำร้องอื่นที่ยื่นมาหลังจากวันนี้ ให้รวบรวมส่งศาลฎีกาทั้งหมดโดยไม่ต้องสำเนาให้อีกฝ่ายคัดค้านก่อน และให้ศาลฎีกาเป็นผู้สอบคำคัดค้าน พร้อมสั่งคำร้องดังกล่าวในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในนัดหน้าผ่านระบบการประชุมทางจอภาพ ให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566
ส่งหมายแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 ทราบเป็นหมายศาล โดยให้มีหนังสือถึงศาลจังหวัดที่จำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาในเขตศาลเป็นผู้ดำเนินการส่ง หากไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิด และให้แจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 ทราบด้วยวิธีการปิดประกาศทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ และปิดประกาศหน้าศาลอีกทางหนึ่งด้วย ให้จำเลยที่ 2-4 และนายประกันจำเลยทั้งสี่ลงชื่อทราบนัดไว้ ให้เจ้าหน้าที่ประสานงานกับศาลฎีกา และให้จัดเตรียมห้องพร้อมระบบการประชุมทางจอภาพกับศาลฎีกาในวันนัดให้เรียบร้อย
ภายหลัง สวัสดิ์ เจริญผล ทนายความโจทก์กล่าวว่า ศาลได้กำชับเรื่องอาการป่วยของธาริต จำเลยที่ 1 ว่าครั้งหน้าถ้ามีปัญหาแบบนี้อีก ศาลจะใช้ดุลยพินิจและมีคำสั่ง ทำให้วันนี้จำเป็นต้องเลื่อนคำพิพากษาออกไปก่อน จึงยังไม่มีคำสั่งใดๆ ทั้งนี้ ไม่มีความกังวลว่าจำเลยที่ไม่มาศาลหลายครั้งจะหลบหนี เพราะเป็นเรื่องระหว่างจำเลยกับศาลมากกว่า