วันนี้ (3 ธันวาคม) พรรคไทยภักดีออกแถลงการณ์ของผู้ร่วมเสวนา ‘เพิ่มมากกว่าแก้ ม.112 ไม่คิดล้มล้าง ทำไมต้องกลัว’ เพิ่มการคุ้มครองมาตรา 112
แถลงการณ์ระบุว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีขบวนการล้มล้างการปกครองเกิดขึ้น และมีการกระทำความผิดในมาตรา 112 อย่างกว้างขวางและพลิกแพลงในลักษณะที่ท้าท้ายกฎหมายมากยิ่งขึ้น เช่น การกระทำที่เป็นฐานความผิดของมาตรา 112 กับอดีตพระมหากษัตริย์ ซึ่งศาลชั้นต้นบางแห่งตัดสินว่าไม่คุ้มครองอดีตพระมหากษัตริย์ เช่น รัชกาลที่ 9 และมีการตัดสินว่า การหมิ่นคำว่าสถาบันพระกษัตริย์ ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 112 ทั้งๆ ที่องค์พระมหากษัตริย์ (The King as a Person) และอดีตพระมหากษัตริย์ (The Late Kings) ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ (The King as an Institution) อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีการทำความผิดมาตรา 112 ต่อพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดกับองค์พระมหากษัตริย์ เช่น การหมิ่นสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และการหมิ่นสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ผ่านวิธีการล้อเลียนเสียดสี แต่กฎหมายมาตรา 112 มิได้นิยามให้ชัดแจ้งว่าพระบรมวงศานุวงศ์ได้รับการคุ้มครองหรือไม่
เนื่องจากในปัจจุบันพระบรมวงศานุวงศ์มีไม่มากนัก และล้วนทรงงานรับใช้ใกล้ชิดองค์พระมหากษัตริย์ และถือเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ตามประกาศสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 การกระทำผิดมาตรา 112 ต่อพระบรมวงศานุวงศ์ ย่อมส่งผลกระทบกระเทือนต่อทั้งองค์พระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์
ดังนั้นจึงเป็นการสมควรที่จะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ให้คุ้มครองครอบคลุมเพื่อรักษาหลักนิติรัฐ ตามหลักรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 6 ที่ได้บัญญัติไว้ว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้ โดยจะแก้ไขให้มาตรา 112 เพิ่มการคุ้มครองให้ครอบคลุมถึง
- สถาบันพระมหากษัตริย์
- อดีตพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์
- พระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป
ประกอบกับปัจจุบันมีผู้ตั้งใจกระทำความผิดตามมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีการใช้ตำแหน่งของตนเพื่อเป็นหลักประกันในการขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาที่กระทำความผิดตามมาตรา 112 อันถือเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรนั้น เป็นการปฏิบัติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และขัดแย้งกับคำปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา 114 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่บัญญัติว่า ก่อนเข้ารับหน้าที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้ “ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
อนึ่ง นอกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะได้รับมอบอำนาจให้ใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชน โดยผ่านกระบวนการเลือกตั้งเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนในการเข้าไปทำหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังถือเป็นชาวไทย ย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 50 ที่ได้บัญญัติว่า บุคคลมีหน้าที่ดังต่อไปนี้ พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามคำปฏิญาณตนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 สมควรที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลจริยธรรมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยห้ามใช้ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประกันตัวผู้ต้องหาที่กระทำความผิดตามมาตรา 112 โดยเด็ดขาด
พรรคไทยภักดีพร้อมนำบทสรุปนี้ไปรณรงค์เพื่อเพิ่มการคุ้มครองตามมาตรา 112 และแก้ไขประมวลจริยธรรมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเพื่อไม่ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ใช้ตำแหน่งไปประกันตัวผู้ต้องหาตามมาตรา 112 ให้บรรลุผล และสร้างความเข้มแข็งให้กับการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไป