วานนี้ (1 ธันวาคม) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายเรื่องการตัดแต้มใบอนุญาตขับขี่ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกรมขนส่งทางบก บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ ธนาคารกรุงไทย ร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชัน ‘KHUB DEE’ เพื่อเป็นระบบฐานข้อมูลบันทึกคะแนนความประพฤติของผู้บับขี่ และเป็นช่องทางในการชำระค่าปรับ โดยจะเริ่มบังคับใช้พร้อมกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จราจรทางบกฯ วันที่ 9 มกราคม 2566
สำหรับการตัดแต้ม ผู้ขับขี่มีทั้งหมด 12 คะแนน เมื่อทำผิดกฎจราจรหรือไม่ชำระค่าปรับจะถูกตัดคะแนนความประพฤติ โดยเกณฑ์การตัดคะแนนแบ่งเป็น 4 ระดับตามความรุนแรงในการกระทำความผิด โดยแบบแรกจะเป็นการตัดแต้มทันทีที่มีการกระทำความผิด
- ตัด 1 คะแนน เช่น ขับรถเร็วเกินกำหนด, ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ
- ตัด 2 คะแนน คือ ขับรถฝ่าไฟแดง, ขับรถย้อนศร, ขับรถขณะถูกเพิกถอนใบขับขี่
- ตัด 3 คะแนน เช่น ขับรถชนแล้วหนี
- ตัด 4 คะแนน คือ เมาแล้วขับ, ขับรถในขณะเสพยาเสพติด, แข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต
แบบที่ 2 จะเป็นการตัดแต้มเมื่อมีการชำระค่าปรับจากใบสั่งอัตโนมัติที่ออกให้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น จอดในที่ห้ามจอด ไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่ขณะขับรถ แต่หากผู้กระทำความผิดไม่ยอมชำระค่าปรับในเวลาที่กำหนดก็จะถูกตัดเพิ่มอีก 1 คะแนน
หากผู้ขับขี่ถูกตัดจนเหลือ 0 คะแนน จะถูกสั่งพักใบอนุญาตขับขี่ 90 วัน หากฝ่าฝืนขับขี่ขณะถูกสั่งพัก จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากถูกสั่งพักใบอนุญาตขับขี่เป็นครั้งที่ 3 ภายใน 3 ปี อาจถูกสั่งพักมากกว่า 90 วัน และหากถูกสั่งพักเป็นครั้งที่ 4 อาจถูกพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ทุกประเภท
ส่วนการคืนคะแนนมี 2 รูปแบบ คือเมื่อครบหนึ่งปีจะได้คืนอัตโนมัติ กับเมื่อเหลือน้อยกว่า 6 คะแนน หรือเหลือ 0 คะแนน แล้วผ่านการอบรมกับกรมการขนส่งทางบกที่จัดปีละ 2 ครั้ง ทั้งนี้ ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบคะแนนหรือชำระค่าปรับผ่านเว็บไซต์ E-Ticket PTM, แอป KHUB DEE หรือแอปเป๋าตังค์
พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวเพื่อสร้างจิตสำนึกและให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับขี่เองและผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ยืนยันว่าจะเริ่มดำเนินการใช้รูปแบบวิธีการตัดแต้มได้ทันทีในวันที่ 9 มกราคมปีหน้า และยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกตัดแต้มสามารถทักท้วงหรือแก้ต่างได้หากไม่ได้เป็นผู้ขับขี่รถดังกล่าว หรือมีการสวมสวมทะเบียนจากบุคคลไม่หวังดี
ทั้งนี้ ข้อมูลทั้งหมดที่ตำรวจเก็บไว้จะมีการดูแลความเป็นส่วนตัวของข้อมูลต่างๆ ไว้ให้เป็นอย่างดี จะไม่มีการติดตามหรือละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวอย่างเด็ดขาด ยกเว้นกรณีที่ไปพบบุคคลตามหมายจับก็จำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอน
“ขอฝากเตือนไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกนายไม่ให้มีการเรียกรับผลประโยชน์จากการใช้ระบบตัดแต้มดังกล่าว หากประชาชนหรือผู้ขับขี่รายใดพบ สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนมาทางช่องทางต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ จะดำเนินการตามกฎหมายและตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ถึงที่สุด” พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าว
