Morgan Stanley ประเมินว่าเศรษฐกิจอังกฤษและยูโรโซนมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า แต่สหรัฐฯ อาจรอดพ้นอย่างหวุดหวิด เนื่องจากตลาดงานที่ฟื้นตัว ขณะที่จีนน่าจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง นำไปสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนเอง และประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ในเอเชีย
Morgan Stanley วาณิชธนกิจรายใหญ่จากสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะเติบโต 2.2% นับเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ล่าสุดที่ 2.7% แม้ระบุในรายงานว่าความเสี่ยงต่างๆ กำลังลดลงก็ตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รายงานชี้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยไม่ช่วยสกัดเงินเฟ้อ ตราบใดที่การใช้จ่ายภาครัฐยังอยู่ในระดับสูง
- วิเคราะห์ 5 สัญญาณ บ่งชี้ เงินเฟ้อ โลกใกล้ถึงจุดพีค
- เศรษฐกิจสหรัฐฯ ‘หดตัว’ สองไตรมาสต่อเนื่อง เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ขณะที่ NBER ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ
โดยในปีหน้า Morgan Stanley มองว่าเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือใกล้จะถดถอย ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะฟื้นตัวในระดับปานกลาง แต่กล่าวว่าการฟื้นตัวโดยรวมทั่วโลกน่าจะยังไม่เกิดขึ้น
สำหรับเศรษฐกิจจีนคาดการณ์ว่าจะเติบโต 5% ในปี 2023 แซงหน้าการเติบโตเฉลี่ยของประเทศตลาดเกิดใหม่ ซึ่งน่าจะอยู่ที่ 3.7% ขณะที่การเติบโตเฉลี่ยในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว 10 ประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ 0.3% เท่านั้น
ท่ามกลางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในปีนี้ Morgan Stanley ทำนายว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงไว้ต่อไปในปีหน้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อน่าจะยังคงแข็งแกร่ง หลังจากแตะจุดสูงสุดในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
รายงานระบุอีกว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเลี่ยงภาวะถดถอยได้อย่างหวุดหวิดในปีหน้า แต่การชะลอตัวอาจไม่ราบรื่นเท่าไร เนื่องจากการเติบโตของตำแหน่งงานจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ และอัตราการว่างงานจะยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยผลกระทบสะสมจากการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดในปีหน้าอาจลามไปถึงปี 2024 ด้วย และส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ 2 ปีข้างหน้าอ่อนแอมาก สำหรับภาพรวมทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อน่าจะแตะระดับสูงสุดในไตรมาสปัจจุบัน
อ้างอิง: